บล.เอเซีย พลัส:

รอเพิ่มทุนเสร็จ…ชื้อสะสมรับปันผลสูง 6% ต่อปี

กำไรสุทธิ 1Q65 ลดลง 25.6%qoq มาอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท ถูกกดดันหลักจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาที่ปรับตัวลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ FRD ในอินโดนีเซีย ทั้งนี้คาด แนวโน้มกำไรปกติ 2Q65 น่าจะเพิ่มขึ้น QoQ จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลของโรงไฟฟ้าอีกครั้ง รวมถึงโรงไฟฟ้าหงสาจะกลับมาเป็นเครื่องได้ปกติ และไม่น่าจะมีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มเช่นที่เกิดขึ้นในงวด 1Q65

ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 65 หลังเพิ่มทุนที่ 50 บาท/หุ้น เชื่อราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีการปรับฐานสะท้อน Dilution ของการเพิ่มทุนไปแล้วระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากการเพิ่มทุนยังไม่แล้วเสร็จอาจยังเป็นประเด็นกดดันราคาหุ้นอยู่ แนะให้รอหาจังหวะค่อยๆ สะสมลงทุนรับปันผลสม่ำเสมอให้ Yield ถึง 6% ต่อปี

กำไรสุทธิ 1Q65 ลดลง 25.6%qoq จากหยุดหงสาและค่าใช้จ่ายเพิ่มของ FRD

RATCH รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ลดลง 25.6%qoq มาอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท ถูกกดดันหลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ปรับตัวลดลง 32.7%qoq มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท โดยเป็นผลมาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ปรับตัวลดลง 25.1%qoq มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งหลักๆ มาจากโรงไฟฟ้าหงสา (HPC) มีส่วนแบ่งกำไรลดลงเหลือเพียง 595 ล้านบาท จาก 910 ล้านบาท ในงวดก่อนหน้า เพราะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงรักษาตามแผนเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน (14 ม.ค. -26 ก.พ.65) รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำปรับตัวลดลง เพราะเป็นช่วง Low Season ถึงแม้จะมีการเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า RIAU เป็นไตรมาสแรกก็ตามก็ไม่สามารถช่วยช่วยชดเชยกำไรที่ลดลงของโรงไฟฟ้าอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ FRD ในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (ถืออยู่ 90%) ในส่วนของการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียม เงินกู้เดิม ทั้งจำนวนจากการ refinance 225 ล้านบาท และบันทึกภาษีเงินได้รอตัดบัญชีของ FRD 337 ล้านบาท (เป็นการรับรู้ตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายการพิศษในงวด 1Q65 นั้น ได้รับอานิสงค์จากการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 413 จาก 160 ล้านบาท ในงวดก่อนหน้า

เบื้องต้นปรับปรุงประมาณการ และ FV สะท้อนการเพิ่มทุนที่ประกาศล่าสุด

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2565 มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อออก และเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของ RATCH ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Public Offering: PPO) และจัดสรรในอัตราส่วนหุ้นสามัญเดิมไม่ต่ำกว่า 1,885 หุ้น ต่อ 1 หุ้น สามัญใหม่ ภายใต้จำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 769.23 ล้านหุ้น ซึ่งจะทำให้จำนวนหุ้นจด ทะเบียนของ RATCH เพิ่มขึ้นจาก 1.45 พันล้านหุ้น เป็น 2.22 พันล้านหุ้น (Par 10 บาท) ทั้งนี้ RATCH จะกำหนดอัตราส่วนการเสนอขาย และจำนวนหุ้นที่เสนอขายที่แน่นอน ภายในวันที่ 12 พ.ค. 2565

รวมถึงประกาศราคาเสนอขายต่อหุ้นอยู่ที่ 37.75 บาท (คำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างวันที่ 31 มี.ค. 26 เม.ย. 2565 เป็นระยะเวลา 15 วันติดต่อกันก่อนวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 (27 เม.ย.65) หักด้วยส่วนลดร้อยละ 15) ทั้งนี้ที่ ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้มีการมอบอำนาจให้กรรมการผู้จัดการใหญ่พิจารณาปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขราคาเสนอขายที่ประกาศ ไม่ว่าจะเพิ่มหรือลดได้หากมีความเหมาะสมเพื่อความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น โดยการปรับราคาเสนอขายดังกล่าวจะต้องไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของราคาเสนอขายที่ประกาศไว้ ซึ่งจะทำให้ราคาเสนอขายสุดท้ายต่อหุ้นจะอยู่ในช่วง 33.97-41.52 บาทต่อหุ้น โดย RATCH จะแจ้งราคาเสนอขายสุดท้ายภายในวันที่ 31 พ.ค.65

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินเบื้องต้นหากรวม Dilution Effect ที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มทุน 769.23 ล้านหุ้น มาอยู่ที่ 2.22 พันล้านหุ้น พบว่ามูลค่าพื้นฐานหลังเพิ่มทุนจะอยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น

ESG

Environment: มุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดโครงการสำคัญๆ ได้แก่ โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน โครงการพลังงานชุมชนและโครงการสนองพระราชดำริ อพ.สธ.

Social : มุ่งเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนได้เสียและคนในสังคม มีโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ @Careline เครือข่ายปันสุข โครงการการศึกษาเสริมทักษะสร้างอาชีพ สปป.ลาว กิจกรรมจิตอาสา เป็นต้น

Governance : กำหนดและทบทวน “นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีของกลุ่มบริษัท” “จรรยาบรรณบริษัท” และ “นโยบายเกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสีย” ให้มีความสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

RATCH แนะนํา : ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 39.75

ราคาเป้าหมาย (บาท) 50.00

Upside (%) 25.80

Dividend Yield (%) 6.04

- Advertisement -