บล.พาย:
บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) “แนวโน้มเริ่มดี แต่ยังขาดทุนต่อ”
FY2Q22 ขาดทุน 3,276 ลบ.
ผลประกอบการงวด FY2Q22 (ม.ค.-มี.ค.) ขาดทุน 3,276 ลบ. ลดลงจาก 3,644 ลบ. ใน FY2Q21 และ 4,272 ลบ. ใน FY1Q22 เพิ่มจาก 3,442 ลบ. ใน FY1Q21 แต่ลดลงจาก 5,157 ลบ. ใน FY4Q21 มีรายการพิเศษ คือ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 390 ลบ. กำไรจากการขายสินทรัพย์ 8 ลบ. ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 17 ลบ. (มาจากสนามบินหาดใหญ่และเชียงราย) และผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 304 ลบ. จะขาดทุนที่ระดับ 3,353 ลบ. แม้ว่าในส่วนของจำนวนเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้น 44%YoY, 24%QoQ มาอยู่ที่ 91,044 เที่ยวบิน และผู้โดยสารที่ระดับ 8.9 ล้านคน เพิ่ม 77%YoY,29%QoQ ก็ตาม เนื่องจากค่าใช้จ่ายยังคงอยู่ในระดับสูง รายได้หลักอยู่ที่ 3,017 ลบ. (+ 70 %YoY, + 30 %QoQ) แบ่งเป็นธุรกิจการบิน 1,247 ลบ. (+118%YoY, +46%QoQ) เติบโตตามจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน 1,770 ลบ. (+47%YoY, +46%QoQ) เพิ่มขึ้นมาก ในส่วนของรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (+69%YoY, +28%QoQ) ตามจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น (+659%YoY, +76%QoQ) และรายได้ค่าบริการจากธุรกิจที่ให้บริการภาคพื้นเพิ่ม ด้านค่าใช้จ่ายหลักโดยรวมอยู่ที่ 5,913 ลบ. (+9%YoY, +2%QoQ) เพิ่มขึ้นในทุกหมวดโดยเฉพาะค่า สาธารณูปโภคและค่าซ่อมบำรุง ซึ่งสอดคล้องกับผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ เพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 734 ลบ. ทรงตัวจากปีก่อน รวมแล้วในช่วง FY1H22 AOT มีรายได้ 5,344 ลบ. (+35%YoY) และมีผลขาดทุนสุทธิ 7,668 ลบ. เพิ่มขึ้นจากขาดทุน 7,086 ลบ. ใน FY1H21
รอดูผู้โดยสารว่าจะเพิ่มเท่าใดหลังเปิดประเทศ
ภาพรวมผู้โดยสารหลังจากประเทศไทยเริ่มมีมาตรการเปิดประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมาจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนถึง 219% และ 921% ตามลำดับ แต่หากเทียบกับ ช่วงก่อนโควิดยังต่ำกว่าค่อนข้างมาก เนื่องจากประเทศจีนที่เป็นผู้โดยสารหลักยังคงไม่สามารถเดินทางได้ ขณะที่ผู้โดยสารจากอินเดียยังมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งเราจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าหากภาครัฐปรับนโยบายโควิดเป็นโรค ประจำถิ่น จะทำให้การเดินทางเข้าออกประเทศมีจำนวนมากน้อยเพียงใด
ความคืบหน้าการลงทุนของ AOT นั้นในส่วนของการก่อสร้างอาคาร North terminal ยังคงรอผลการศึกษาจากทาง ICAO อยู่ ด้านโครงการ Airport City คาดว่าจะเริ่มเข้าก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคได้ในปี 23 และเริ่มรับรู้รายได้ใน ปี 24 เป็นต้นไป ขณะที่แผนการรับโอนท่าอากาศภูมิภาค 3 สนามบิน (อุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่) ยังต้องรอให้ ครม. อนุมัติ และรอให้ทางกรมทาอากาศ (ท.ย.) ดำเนินการขอใบอนุญาตสนามบินสาธารณเสียก่อน
มองทั้งปียังขาดทุนต่อ ลุ้นฟื้นอีกทีปีหน้า
จากผลขาดทุนในช่วง FY1H21 ที่สูงกว่าทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 7,068 ลบ. แล้ว ทำให้เรามีการปรับประมาณการขาดทุนเพิ่มมาอยู่ที่ 10,423 ลบ. โดยปรับลดจำนวนผู้โดยสารลงมาอยู่ที่ 50 ล้านคน จากเดิมคาดไว้ที่ 62 ล้านคน หลังจาก ในช่วง FY1H22 มีเพียง 15 ล้านคน โดยคาดว่าผลประกอบการจะค่อยๆดีขึ้น ตั้งแต่ FY3Q22 เป็นต้นไป สำหรับผลประกอบการปี FY23 เราคาดกำไรที่ 18,945 ลบ. (ยังต่ำกว่าปีก่อนคิดเนื่องจากมาตรการให้ส่วนลดแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง จะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือน มี.ค. 23) จึงยังกระทบกับผลประกอบการอีกครึ่งปี สําหรับปี 23)
สำหรับคำแนะนำการลงทุน ในแง่พื้นฐานราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 53 บาท (40XPER23E) ค่อนข้างมากทำให้เรา ยังคงคำแนะนำ “ขาย” เช่นเดิม แต่