ยังคงกลยุทธ์เลือกเก็งกำไรรายตัว
GDP ไทยไตรมาส 1/65 เติบโต 2.2% ดีกว่าคาดที่ 1.7% และส่งสัญญาณฟื้นตัวในหลายมิติ ทั้งการบริโภค (+3.9%), การส่งออก (+10.2%), การส่งออกบริการ (+30.7%) ซึ่งยืนยันภาพการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้แม้จะมีการปรับประมาณการเติบโตปี 2565 ลงเหลือ 2.5-3.5% (จากคาดการณ์เดิมที่ 3.5-4.5%) แต่ภาพรวมปี 65-66 จะยังเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 2564 ที่ GDP โตเพียง 1.6% กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ เปิดเมือง และเปิดประเทศ ยังมีแนวโน้มได้รับอานิสงค์จากโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ยังอยู่ในทิศทางต่อเนื่อง แม้อาจจะมีการชะลอของการบริโภคในช่วงไตรมาส 2/65 บ้าง จากผลของยูเครนและการล็อคดาวน์ที่จีน
บรรยากาศลงทุนต่างประเทศในระยะสั้นมีโอกาสเห็นการฟื้นตัว หลังนักลงทุนตอบรับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ไปพอสมควรแล้ว โดยล่าสุดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังยืนยันการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นสัญญาณของเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงชัดเจน เราคาดูบรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะยังผ่อนคลายหากไม่มีการส่งสัญญาณที่แรงขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นได้ จนใกล้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินรอบหน้า 14-15 มิ.ย.
กลุ่มเทคโนโลยีมีสัญญาณฟื้นตัวหลังปรับลดลงมามาก โอกาสลงทุนในไทยจะอยู่ใน 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นตัวแทน (proxy) ของการลงทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า โดยเราชอบ KCE, HANA, SVI และ 2. กลุ่ม DR ของหุ้นเทคโนโลยีจีนที่เข้ามาจดทะเบียนในตลท. หลังมีข่าวทางการจีนจะสนับสนุนบริษัทที่สนับสนุนการเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตราสารแสดงสิทธิ์การฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่เกี่ยวข้อง อาทิ BABA80 หรือ TENCENT80 เป็นต้น
ประเด็นเก็งกำไรอื่น
1) กลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP, CBG, ICHI, SAPPE
2) กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR
3) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO
4) กลุ่มมีลุ้นเข้า SET50 ได้แก่ JMT, JMART
5) กอง REIT ได้แก่ FIRET, WHART
6) ขณะที่หุ้นกลาง-เล็กที่สามารถเลือกเก็งกำไร (แบบ กำหนดจุดตัดขาดทุน) ในช่วงนี้ ได้แก่ THREL, BLA, MAJOR, TH, SCN, SCI, CMR, TKN, SPA เป็นต้น
7) หุ้นกลุ่มเก็งราคาน้ำมันลง SCGP, BJC, EPG, SCC
8) หุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน OR
ภาพรวมกลยุทธ์: ฟื้นตัวโดยมีแนวต้าน 1,630-1,640 จุด ยังคงกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรระหว่างรอจุดซื้อที่ดี (ธีมบาทอ่อนและผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง) โดยเน้นในหุ้นใหญ่พื้นฐานที่ valuation ไม่แพง หรือกระแสเงินสดสูงที่สามารถจำกัด downside risk ได้เป็นหลัก และใช้จังหวะปรับลดลงแรงในการทยอยซื้อหรือสะสมรายตัว
แนวรับ: 1,605 / แนวต้าน : 1,630-1,640 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
หุ้นแนะนำ CPF, OR, KSL, BABA80*
ประเด็นการลงทุน
- สหรัฐเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.9% – ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
- EU ไฟเขียวบริษัทเอกชนยังคงสามารถนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย – บริษัทต่างๆ สามารถเดินหน้าซื้อก๊าซของรัสเซียต่อไปได้โดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
- โรงงานน้ำตาลในบราซิลยกเลิกสัญญาส่งออก – หลังเปลี่ยนไปผลิตเอทานอลแล้ว ได้ผลตอบแทนดีกว่า ส่งผลให้อาจเกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลเกิดขึ้น ส่งผลดีต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำตาล เช่น KSL, KTIS, KBS และ BRR เป็นต้น
- สศช.หันคาดการณ์ GDP เหลือ 3% – สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2565 เหลือโต 2.5-3.5% หลังเจอปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ขณะที่ไตรมาสแรกขยายตัว 2.2% หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด
- ครม.ไฟเขียวขยายลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาท/ลิตร – ช่วง 21 พ.ค. ถึง 20 ก.ค.65 เพื่อช่วยลดปัญหาน้ำมันดีเซลราคาแพง ซึ่งถือเป็นต้นทุนค่าขนส่งสินค้า
- นครเซี่ยงไฮ้วางแผนที่จะยุติมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย. – การให้บริการรถประจำทางจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. แต่ประชาชนจะต้องแสดงผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนใช้บริการ
- SMK ยื่นขอฟื้นฟู – บริษัทขอเลื่อนนำส่งงบไตรมาส 1/65 และยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ทั้งนี้การฟื้นฟูกิจการทำให้จำเป็นจะต้องการการหาผู้ร่วมทุนใหม่ และน่าจะต้องมีการเพิ่มทุนขนานใหญ่ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นในปัจจุบันจะถูกลดส่วนได้เสียอย่างมีนัยสำคัญ
- ตลท.ให้ TVD ใช้เกณฑ์ Cash Balance – เริ่ม 18 พ.ค. ถึง 7 มิ.ย.65
- ตลท.ขึ้น C หุ้น EMC หลังส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% – ตั้งแต่ 18 พ.ค ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance ตั้งแต่วันที่ขึ้นเครื่องหมายจนกว่าจะแก้เหตุดังกล่าวได้
- คาดเข้า/ออก SET50 – คาดเข้า JMT, JMART, BLA /คาดออก RATCH, STGT, KCE
ประเด็นติดตาม: 18 พ.ค. – EU CPI, US Building Permits / 19 พ.ค. – US Existing Home Sales, US Initial Jobless Claims, US Fed Manufacturing Index, China PBOC Loan Prime Rate
ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ
- เก็งกำไร CPF* (27) : แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวจากการขึ้นราคาตาม food price inflation ตัดขาดทุน 23.50 บาท
- เก็งกำไร OR* (31) : คาดผลประกอบการทยอยฟื้นตัวในช่วงสองถึงสามไตรมาสถัดไป ตัดขาดทุน 23.75 บาท
- เก็งกำไร KSL* (4.40) : โรงงานในบราซิลเลือกนำน้ำตาลไปผลิตเอทานอล ส่งผลให้น้ำตาลทรายอาจขาดตลาด และมีราคาสูงขึ้น ตัดขาดทุน 3.50 บาท
- เก็งกำไร BABA80 (5) : เก็งกำไรการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยีจีนที่ฟื้นตามหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และทางการจีนเตรียมสนับสนุนหุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล ตัดขาดทุน 3.80 บาท
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าของราคาที่เข้าซื้อ)
Market News & Factors
- ตลาดหุ้นสหรัฐ: ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (17 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง และบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว (อินโฟเควสท์)
- ตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (17 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าอุปสงค์ในจีนอาจเพิ่มขึ้น หลังทางการจีนเตรียมผ่อนคลายมาตรการจำกัดเกี่ยวกับโรคโควิด-19 และนักลงทุนขานรับการคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบรรดาบริษัทจดทะเบียน (อินโฟเควสท์)
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น: ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าจีนจะผ่อนคลายมาตรล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นฮับทางการค้า ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มพลังงานก็ได้รับอานิสงส์จากราคาสัญญาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนวานนี้ (อินโฟเควสท์)
- ตลาดน้ำมัน: สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (17 พ.ค.) หลังมีรายงานว่าสหรัฐเตรียมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนแก่รัฐบาลเวเนซุเอลา ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าอาจจะส่งผลให้มีน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น (อินโฟเควสท์)
- คําพูดประธานเฟด เมื่อคืนนี้: Powell กล่าวว่า Fed ไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องจนกระทั่งเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับที่เหมาะสม (CNBC)
- สหรัฐเผยยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น 0.9%: ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ (อินโฟเควสท์)
- EU ไฟเขียวบริษัทเอกชนยังคงสามารถนําเข้าก๊าซจากรัสเซีย: บริษัทต่างๆ สามารถเดินหน้าซื้อก๊าซของรัสเซียต่อไปได้โดยไม่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร (อินโฟเควสท์)
- โรงงานน้ำตาลในบราซิลยกเลิกสัญญาส่งออก: หลังเปลี่ยนไปผลิตเอทานอลแล้วได้ผลตอบแทนดีกว่า ส่งผลให้อาจเกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลเกิดขึ้น ส่งผลดีต่อการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำตาล เช่น KSL, KTIS, KBS และ BRR เป็นต้น (Reuters)
- สศช.หั่นคาดการณ์ GDP เหลือ 3%: สภาพัฒน์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2565 เหลือโต 2.5-3.5% หลังเจอปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ขณะที่ไตรมาสแรกขยายตัว 2.2% หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด (กรุงเทพธุรกิจ)
- ครม.ไฟเขียวขยายลดภาษี สรรพสามิตดีเซล 5 บาท/ลิตร: ช่วง 21 พ.ค. – 20 ก.ค.65 เพื่อช่วยลดปัญหาน้ำมันดีเซลราคาแพง ซึ่งถือเป็นต้นทุนค่าขนส่งสินค้า (อินโฟเควสท์)
- นครเซี่ยงไฮ้วางแผนที่จะยุติมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิ.ย.: การให้บริการรถประจำทางจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. แต่ประชาชนจะต้องแสดงผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นลบ ไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนใช้บริการ (อินโฟเควสท์)
- ตลท.ให้ TVD ใช้เกณฑ์ Cash Balance: เริ่ม 18 พ.ค.-7 มิ.ย.65 (อินโฟเควสท์)
- ตลท.ขึ้น C หุ้น EMC หลังส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50%: ตั้งแต่ 18 พ.ค. ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance ตั้งแต่วันที่ขึ้นเครื่องหมายจนกว่าจะแก้เหตุดังกล่าวได้ (อินโฟเควสท์)
- คาดเข้า/ออก SET50: คาดเข้า JMT, JMART, BLA // คาดออก RATCH, STGT, KCE (UOB KayHian)
Report & Corporate News
- CENTEL Maintained BUY TP: 53.00 บาท: CENTEL ประกาศผลขาดทุนสุทธิที่ 44 ลบ.ใน 1Q22 ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของเราและตลาด แม้ว่าแรงกดดันด้านต้นทุนจะสูงขึ้น แต่เราเชื่อว่าใน 1Q22 จะเป็นเพียงไตรมาสเดียวของปี 2022 ที่ CENTEL จะรายงานกำไรขาดทุน โดยมีสาเหตุหลักจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ pent up demand คงคําแนะนํา ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 53.00 บาท
- CK Maintained BUY TP: 23.50 บาท: CK ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q22 ที่ 121 ลบ. และรายได้ที่ 7,039 ลบ. ซึ่งอาจมาจากการรับรู้รายได้ที่ยังไม่รับรู้ก่อนหน้านี้จากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง แม้ว่าเราคิดว่า CK จะต้องเผชิญกับไตรมาสที่ท้าทายข้างหน้าจากต้นทุนวัสดุที่สูง แต่คำสั่งซื้อที่แข็งแกร่งของ CK และการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ น่าจะช่วยชดเชยความเสี่ยงได้ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 23.50 บาท
- SAWAD Upgraded BUY TP: 59.00 บาท: SAWAD ประกาศกำไรสุทธิใน 1Q22 ต่ำกว่าคาดที่ 1,036 ล้านบาท (-24% yoy, -9% qoq) สินเชื่อเติบโต 14% yoy ต่ำกว่าเป้าหมายสินเชื่อทั้งปีที่ 20-30% แม้ว่าเราจะปรับลดประมาณการกำไรปี 2022-24 ของ SAWAD ลง 7.5-10% แต่ราคาหุ้นของบริษัทได้ตกลงมาสู่ระดับที่น่าดึงดูดใจ โดยมี upside gain 21% ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ ราคาเป้าหมาย: 59.00 บาท
- IVL: นายดี เค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IV) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 เติบโต 20-25% แตะ 600,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 473,072.95 ล้านบาท บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบยืนอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยที่ 100-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ของบริษัทที่จะได้ประโยชน์จากความได้เปรียบของ Shale gas รวมถึงยังสนับสนุนให้เงินทุนหมุนเวียน (Working capital) เพิ่มขึ้นด้วย (อินโฟเควสท์)









