บล.พาย:
บมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตัคชั่น (STEC) “ค่อยๆ ดีขึ้น”
1Q22 กำไรสุทธิ 232 ลบ. (+17% YoY,-38%QoQ)
กำไรงวด 1Q22 ของ STEC อยู่ที่ 232 ลบ. (+17%YoY, -38%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษในงวด 4Q21 อย่างรายได้จากการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ 141 ลบ. กำไรปกติจะใกล้เคียงกันปัจจัยบวกของไตรมาสนี้ คือกำไรขั้นต้นของธุรกิจก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย รายได้อยู่ที่ 7,620 ลบ. (+1%YoY, +9%QoQ) กำไรขั้นต้นรวมที่ 5.7% ดีขึ้นจาก 5.1% ใน 1Q21 และ 5.6% ใน 4Q21 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากหมดงานอาคารรัฐสภา ค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ 182 ลบ. ทรงตัวจากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 51%QoQ เพราะในช่วง 4Q21 มีการบันทึกกลับค่าใช้จ่ายพนักงานเข้ามา รายการอื่นๆ ที่สำคัญ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 12 ลบ. (-33%YoY แต่พลิกจากที่ขาดทุน 1 ลบ. ใน 4Q21) รายได้อื่น 30 ลบ. (+14%YoY, -29%QoQ)
Backlog แน่น มีกว่า 80,000 ลบ.
Backlog ณ สิ้น 1Q22 เราคาดว่าจะยังอยู่ในระดับ 80,000 ลบ. หลังจากมีการเซ็นสัญญางานรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามากว่า 8,000 ลบ. (นับเฉพาะส่วนของ STEC) ซึ่งเพียงพอสำหรับการเติบโตของรายได้ไปอีก 2-3 ปี แม้ว่าจะไม่มีงานใหม่ออกมาเพิ่ม อย่างไรก็ตาม เรามองว่าด้วยแผนผลักกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ การเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่คาดว่าจะทยอยเห็นในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก เนื่องจากมีส่วนที่ต้องจัดหาการเดินรถในส่วนที่สายสีส้มฝั่งตะวันออกที่มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 23 ซึ่งล่าสุดคาดว่าจะขายเอกสารประกวดราคาได้ภายในเดือน พ.ค. นี้ ส่วนโครงการอื่นๆ ที่คาดว่าจะเปิดประมูลคือรถไฟทางคู่
คงประมาณการเดิม แนะนํา “ซื้อ”
กำไรสุทธิในงวด 1Q22 ที่ออกมาคิดเป็นสัดส่วน 22% ของประมาณการทั้งปีที่เราคาดไว้ แต่ด้วยฐาน Backlog ที่อยู่ในระดับสูง และคาดว่าในช่วง 2H22 จะเริ่มรับรู้รายได้จากงานที่เซ็นสัญญาในช่วงปลายปี 21-ต้นปี 22 อย่างรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามามากขึ้น ทำให้เรายังคงประมาณการรายได้และกำไรทั้งปีที่ 33,320 ลบ. (+20%YoY) และ 1,054 ลบ. (+48%YoY) ตามลำดับ สำหรับคำแนะนำการลงทุนด้วยฐาน Backlog ที่มีอยู่มาก เพียงพอกับการเติบโตทั้งปีที่คาดไว้แล้ว เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 16.20 บาท (23.5XPER’22E) ทั้งนี้ความเสี่ยงของ STEC คือการปรับตัวเพิ่มขึ้นของต้นทุนก่อสร้างที่อาจกระทบกำไรขั้นต้นได้
