CHAYO ประกาศงบ Q1/25 ฟอร์มสวย มีรายได้รวม 221.76 ล้านบาท เติบโต 25.68% จากปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 76.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.41% ระบุสาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้การขายสินทรัพย์ ด้านผลงานปีนี้ มั่นใจรายได้โตไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อน ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจ คาดใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอีกประมาณ 3,000 ล้านบาท หลัง 4 เดือนแรกซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเติมพอร์ตเพิ่มกว่า 500 ล้านบาท เหลือ TOR อีกกว่า 30,000 ล้านบาท  ตั้งเป้าซื้อหนี้ทั้งปีมาบริหารเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10,000-15,000 ล้านบาท

 

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทงวดไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 221.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 45.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.68% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ จำนวน 38.79 ล้านบาท และรายได้จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 10.46 ล้านบาท

ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 169.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 27.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.62% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.41% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 76.44% ของรายได้ และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 34.37%

สำหรับทิศทางธุรกิจในปีนี้ บริษัทได้เข้าประมูล และหรือเจรจาซื้อพอร์ตหนี้จากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีงบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะซื้อหนี้มาบริหารได้ประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาทโดยที่ยังไม่รวม JV ที่จะจัดตั้งกับสถานบันการเงินตามนโยบายของ ธปท. และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 จะทำได้ดีกว่าเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 25% อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ธุรกิจรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ เชื่อว่าในปี 2565 จะยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ปกติสถาบันการเงินจะปล่อยหนี้ด้อยคุณภาพออกมาจำนวนมาก ประกอบกับมาตรการพยุงลูกหนี้ที่หมดลงในเดือนมิถุนายน 2565 จะมีส่วนผลักดันให้มีหนี้เสียเข้ามาในระบบเพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2565 มี TOR ที่ทางสถาบันการเงินทยอยปล่อยออกมาแล้วกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณ 50,000-60,000 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือในไตรมาส 2/65 ยังเหลือ TOR ที่จะทยอยประกาศอีกกว่า 30,000 ล้านบาท

ขณะที่ความคืบหน้าในการศึกษาความร่วมมือกับสถาบันการเงินนั้น มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือ ต้นไตรมาสที่ 4 จะมีความชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหากสามารถหาข้อสรุปได้บริษัทก็จะดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนและขอใบอนุญาตกับทาง ธปท.ต่อไป ซึ่งมองว่า การร่วมมือกับทางสถาบันการเงินจะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดหาหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาเติมพอร์ตได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคต

*********

- Advertisement -