บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Global Power Synergy (GPSC.BK/GPSC TB)*
ความหวังว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น
Event
ประชุมนักวิเคราะห์ 1Q65
Impact
เน้นเรื่องกลยุทธ์ของบริษัท และอัพเดตโครงการ
GPSC เน้นเรื่องกลยุทธ์ของบริษัท ซึ่งค่อนข้างจะไม่ต่างจากในไตรมาสก่อน ๆ และอัพเดตโครงการต่างๆ ตามคาด ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงเป็นหัวหอกในธุรกิจแบตเตอรี่ของเครือ PTT (PTT.BK/PTT TB)* แม้ว่า Arun Plus (บริษัทลูกที่ PTT ถือหุ้น 100%) จะเซ็น MOU กับ CATL เพื่อใช้เทคโนโลยี Cell-to-Pack (CTP) เพราะผู้บริหารคิดว่าโอกาสของ EV ใหญ่มากในไทย และถือว่าเป็นไปตามกลยุทธ์ของเครือที่จะ leverage จากความเชี่ยวชาญของกันและกัน ทั้งนี้ NUOVO PLUS (JV ที่ PTT และ GPSC ถือหุ้น 51%:49%) จะเป็นบริษัท supply chain ด้านแบตเตอรี่ที่จะสนับสนุนการผลิต EV โดยโครงการนำร่อง 30MW เริ่มผลิตไปตามแผนงานที่วางไว้ ในขณะที่ Axxiva ซึ่งเป็นโรงงานแบตเตอรี่ขนาด 1GWh ในประเทศจีนน่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานได้ใน 1Q66 ทั้งนี้ GPSC ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียน (RE) >50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2573 (จาก 38% ในปี 2566)
เราคาดหวังอะไรได้บ้างจาก GPSC ในปี 2565…?
ปีนี้จะเป็นปีแห่งการปรับสมดุล (ลดผลกระทบจากราคาพลังงาน) และเก็บเกี่ยวโครงการที่อยู่ใน pipeline โดยเฉพาะ Avaada โดยจะไม่มีโครงการใหม่ที่จะเข้าซื้อในปี 2565 ทั้งนี้ GPSC ตั้งเป้าจะสร้าง synergies กับ Glow มูลค่า 1.6 พันล้านบาท ในปี 2565 และคาดว่าจะได้รับค่าสินไหมประกันภัยหลังหักภาษีของโครงการ GE เฟส 5 ประมาณ 600-700 ล้านบาท ในปี 2565 ส่วน Avaada จะเริ่มเดินเครื่องกำลังการผลิตใหม่ c.1,000MWe ภายในสิ้นปีนี้ (จาก 917MWe ในปี 2564 และ 1,036MWe ใน 1Q65) และเราคาดว่าการดำเนินงานของ Avaada จะเป็นขาขึ้นจากนี้ไป ทั้งนี้ GPSC ถือหุ้น 42.93% ใน Avaada (เพิ่มขึ้นจาก 41.62%) และทำการ refinance เพื่อลดต้นทุนทางการเงินลง นอกจากนี้ การคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดยังช่วยชดเชยผลกระทบจากต้นทุนพลังงานไปบางส่วนด้วย ในขณะเดียวกัน โครงการ GE เฟส 5 ซึ่งกลับมาเดินเครื่อง 9 มีนาคม ทำกำไรให้ GPSC เพิ่มเดือนละ 150 ล้านบาท
คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 2Q65
เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q65F จะเพิ่มขึ้น QoQ จากค่าสินไหมประกันภัยของโครงการ GE เฟส 5 ซึ่งคาดว่าจะได้รับไม่น้อยกว่า 10 ล้านดอลลาร์ฯ แต่จะถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาก๊าซของโรงไฟฟ้า SPP ลดลงเล็กน้อย, ค่า Ft สูงขึ้น, มีการบริหารจัดการ QoQ ต้นทุนอย่างต่อเนื่อง, รับรู้ผลการดำเนินงานจากโครงการ GE เฟส 5 และ GHECO-One เต็มไตรมาส และผลการดำเนินงานของโครงการไซยะบุรี และ Avaada แข็งแกร่งขึ้น
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ GPSC โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ที่ 82.00 บาท เราเชื่อว่าการปรับลดประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาดน่าจะใกล้จบรอบแล้ว ในขณะที่ราคาหุ้นสะท้อนประเด็นความกังวล และปัจจัยลบต่างๆ ไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้น เราจึงมองว่าราคาหุ้นมี downside ค่อนข้างจำกัดแล้ว ดังนั้น นักลงทุนน่าจะเริ่มซื่อสะสมได้ โดยมองข้ามไปถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกำไรในปี 2566
Risks
ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย








