ตลาดหุ้น Dow Jones ยังคงปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเมื่อคืนปรับฐานลงมา 0.75% ภาพรวมยังถูกดดันจาก ประเด็นเดิมๆ อย่างความกังวลเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวให้ FED ต้องดำเนินนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น พร้อมกับความกังวล คือ การเร่งขึ้นดอกเบี้ยจะกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจจน นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ล่าสุด Bloomberg ปรับ โอกาสถดถอยทางเศรษฐกิจสหรัฐขึ้นเป็น 30% จากต้นปี 22 อยู่ที่เพียง 15% ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับเพิ่มขึ้น 2.7% ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในจีนที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น หลังเซี่ยงไฮ้จะยุติการใช้มาตรการ Lock Down ในวันที่ 1 มิ.ย. 22 ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei แกว่งตัวในกรอบแคบๆ (+0.17%) เชื่อว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ก็น่าจะเป็นลักษณะเคลื่อนไหวในกรอบ 1600 – 1612 ส่วนในประเทศวันนี้ติดตามประชุม ศบค. วานนี้มีรายงานออกมาว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม หลังจากสถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้มดีขึ้น ด้านการติดเชื้อใน วันที่ 19 พ.ค. อยู่ที่ 6.3 พันรายต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เบื้องต้นประเมินเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ปัจจัยสัปดาห์หน้า ได้แก่ ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศในวันจันทร์ ฝั่งต่างประเทศ ได้แก่ การรายงานผลประชุม FED (FED Minute) ในวันพฤหัสบดีราวที่ 1 ตามเวลาประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม เพราะหากส่งสัญญาณเข้มงวดด้านนโยบายการเงินที่มากกว่าตลาดประเมินไว้ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับฐานได้
เชิงกลยุทธ์การลงทุนวันนี้เลือกกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ผลบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเมื่อคืน ประกอบกับเรายังเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบยังลงได้ยาก สืบเนื่องจากความขัดแย้งในยูเครน-รัสเซีย ที่ยังหาจุดจบไม่ได้ในเร็วๆ นี้ อื่นๆ แนะหุ้นมีปัจจัยบวก อาทิ (SAPPE TACC) กลุ่มผลกระทบจำกัดจากเงินเฟ้อ (ADVANC BCH CHG)
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 179 บาท) ภาพรวม 2Q22 เป็นบวกเพราะคาดว่ากำไรสุทธิจะโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ประเมินว่าการเริ่มผลิตก๊าซจากโครงการ G1/61 และ G2/61 (ประเทศไทย) จะช่วยหนุนการเติบโตของ ยอดขายได้ 10% ส่วนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจเข้ามาช่วยกระตุ้นราคาขายเฉลี่ย
ERW (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 4.20 บาท) ภาพรวมปี 22 คาดจะสดใส เพราะคาดว่าตั้งแต่ช่วง 3Q22 เป็นต้นไป ผลประกอบการจะพลิกเป็นบวกได้ หนุนจากการท่องเที่ยวในประเทศ และการเปิดพรมแดนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ









