บล.พาย: 

บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) “FY4Q22 กําไรดีกว่าคาดเล็กน้อย”

FY4Q22 กำไร 473 ลบ. (-16%YoY, +19%QoQ)

ผลประกอบการงวด FY4Q22 (ม.ค.-มี.ค.) อยู่ที่ 473 ลบ. (-16%YoY, +19%QoQ) ถ้าไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 6 ลบ. กำไรปกติเหลือ 468 ลบ. การลดลงจากปีก่อนเกิดจากกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลง หลังจากส่วนหนึ่งเพราะไม่มีรายได้จากแม่พิมพ์เข้ามา ส่วนการเติบโตจากไตรมาสก่อนเกิดจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น 1% และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี รายได้ที่ 3,834 ลบ. ทรงตัวจากปีก่อน แต่ +9%QoQ กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19% ใกล้เคียงกับ FY3Q22 แต่ลดลงจาก 24% ใน FY4Q21 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 262 ลบ. (-19%YoY, -4%QoQ) ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากในงวด FY4Q21 มีค่าใช้จ่ายนายหน้าของปี 21 เข้ามาเป็นครั้งแรกในไตรมาสดังกล่าว ส่วนปี 22 ทยอยรับรู้เข้ามาทีละไตรมาส รวมทั้งปี STANLY มีรายได้ 13,582 ลบ. (+16%YoY) และมีกำไรสุทธิ 1,521 ลบ. (+43%YoY) ถ้าไม่รวมกำไรพิเศาจะมีกำไรปกติ 1,501 ลบ. (+45%YoY)

ปี 23 การผลิตของตัวเองไม่มีปัญหา

ภาพรวมปี 23 ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ปัญหาการขาดแคลนชิปว่าจะรุนแรงเพียงใด หลังจากปัญหาความไม่สงบระหว่างรัสเซียกับยูเครน และทำให้ผู้ผลิตในประเทศหลายรายมีการเลื่อนการส่งรถให้ลูกค้าออกไป แต่ในส่วนของ STANLY เองในการผลิตยังไม่มีปัญหาการขาดแคลนชิป เพราะบริษัทในกลุ่มเป็นผู้ผลิตเองอยู่แล้ว ทำให้หากลูกค้ามีความต้องการสินค้าทาง STANLY มีความพร้อมในการส่งมอบให้อยู่

คงกำไรปี 23 ไว้เท่าเดิมก่อน

กำไรสุทธิที่ออกมาถือว่าใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ ขณะที่สถานการณ์ในรอบปี 23 ของ STANLY (มี.ค.22 เม.ย.23) ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการขาดแคลนชิปอยู่ ทำให้เราคงประมาณการณ์ผลประกอบการปี 23 ไว้เท่าเดิมที่รายได้ 14,075 ลบ. (+4%YoY) และกำไรสุทธิ 1,583 ลบ. (+4%YoY) สำหรับคำแนะนำการลงทุน ด้วยจุดเด่นตรงเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าอ่อนน้อย เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 207 บาท (10XPER’23E) ทั้งนี้ STANLY ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 22 ที่ 8.5 บาท XD 11 ก.ค. และจ่าย 27 ก.ค.

- Advertisement -