Daily Focus: Value and Laggard Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index พักตัวลงต่อเนื่องตามตลาดหุ้นภูมิภาค ปิดลบอีก 12.34 จุด โดยกลับมากังวลนโยบานการเงินของ FED ที่ดึงตัวเร็วอีกครั้ง หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างแข็งแรง สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 306 ลบ.และ 1.9 พันลบ. ดามลำดับ (ด่างชาติพลิกมา Short Index Futures 9.3 พัน สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่งพักตัวต่อเนื่องลงหากรอบ 1,640+- จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนัก เม็ดเงินยังไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง จากความกังวลนโยบายการเงิน FED ที่ตึงตัวเร็วเพื่อสกัดเงินเฟ้อหลังสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์ก่อนทั้ง ISM ภาคการผลิตและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ออกมาสูงกว่าคาด แต่กลุ่มพลังงานคาดยังพยุงตลาดให้ไม่ปรับลงแรงนักหลังราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแรง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่สูงและยังไม่มีท่าที่ปรับลงแรงยังเป็นปัจจัยกดดันด้านต้นทุนการผลิต รวมถึงทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง เรายังประเมิน SET Index ยังแกว่งตัวแข็งแกร่งกว่าหุ้นโลกจากอานิสงส์ของเศรษฐกิจไทยที่เป็นขาขึ้น แต่จาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว รวมถึง EPS และ SET Target ที่มี Downside เราจึงแนะนําทยอยลดพอร์ตบางส่วนช่วงตลาดปรับขึ้นหาระดับ 1,660-1,680+- จุด หลังจากสะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด และยังคงเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเทียบกับช่วงปี 2019 ก่อนมี COVID-19 และยัง Laggard ตลาด
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Laggard Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : BCP
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 40 บาท
- โมเมนตัมกําไร 2Q22 คาดยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากค่าการกลั่นที่เร่งขึ้น Q-Q หนุนธุรกิจโรงกลั่นยังโดดเด่น ขณะที่ธุรกิจปั๊มน้ำมันคาดทยอยฟื้นตัวตามการ Reopening หนุนปริมาณขายกลับมาเติบโต
- เราคาดกำไรปกติปี 2022 เติบโตแรง +101% Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน ขณะที่ Valuation ยังถูก ปัจจุบันเทรด PER เพียง 6.6 เท่า และ PBV 0.8 เท่า ต่ำกว่าช่วงก่อน COVID-19
- แนวรับ 32 บาท แนวด้าน 34//35.25 บาท
Fund Flow : วันพฤหัสฯ-ศุกร์ที่ผ่านมา กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาครวมกันอีก US$601 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$312 ล้าน และ US$241 ล้าน ตามลำดับ ขณะที่อาเซียนส่วนใหญ่ไหลออกเช่นกัน มีเพียงอินโดนีเซียที่ไหลเข้า US$45 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออก หลังตัวเลขการ จ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หนุน FED ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.9 แสนตำแหน่ง สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.25 แสนตำแหน่ง สะท้อนภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับมองว่าปัจจัยดังกล่าวยิ่งตอกย้ำว่า FED จะดำเนินนโยบายการเงินที่ดึงตัวขึ้นเร็ว ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยและลดงบดุลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้น PER สูง ภาพรวมยังคงสอดคล้องกับที่เราประเมินว่าหุ้น Value และ Laggard Play ยังคงแข็งแกร่งกว่าตลาด เรายังชอบกลุ่มโรงกลั่น เนื้อสัตว์ ธนาคาร ไฟแนนซ์ ยานยนต์ รับเหมาฯ เป็นต้น
(-) การประชุม OPEC+ ตกลงเพิ่มกำลังการผลิตเร่งขึ้นในเดือน ก.ค. อีก 6.48 แสนบาร์เรลต่อวัน จากเดือน มิ.ย. ที่เพิ่ม 4.32 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่ายังไม่เพียงพอกับ Demand ที่เพิ่มขึ้นตามการ Reopening ทั่วโลก รวมถึงจีนที่เริ่มคลาย Lockdown ส่งให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เร่งขึ้นแตะ US$120 ต่อบาร์เรล กดดันเงินเฟ้อโลกต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะภาคการผลิตยังคงถูกกดดันจากปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้นและเป็น Downside ต่อ EPS และ SET Target
(0) กลุ่มค้าปลีก เริ่มเห็นการอ่อนลงของกำลังซื้อเกิดขึ้นกับ Home Improvement กอปรกับฐานสูงจากราคาเหล็กปีก่อน ทำให้ SSSG พ.ค. HMPRO และ GLOBAL ถอยลง เป็นติดลบ ส่วน DOHOME ลดเหลือหลักเดียว และ SSSG 2QTD ลดชัดเจนจาก 1Q22 มีเพียง ILM ที่ยังปรับขึ้นได้ จากผู้ประกอบการจังหวัดท่องเที่ยวกลับมาเปิดร้านอาหาร ผับบาร์กันอีกครั้ง จึงเห็นการฟื้นของสินค้าเฟอร์นิเจอร์ระยะสั้น ส่วน CRC ยังบวกได้ดี จาก Food และ Fashion ที่ฐานต่ำมากปีก่อน ขณะที่กลุ่มสินค้าจำเป็นดูดีสุด CPALL ยังบวกได้สองหลัก MAKRO Lotus’s ทยอยฟื้น ส่วน BJC (BIGC) รายเดือนลดลง แต่ทั้งเฉลี่ย 2QTD ยังดีกว่า 1Q22 จะเห็นว่ากลุ่มสินค้าจำเป็นฟื้นตัวตามการ Reopen และยังปลอดภัยในภาวะเงินเฟ้อ เราชอบ CPALL (ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 82 บาท) มาก ที่สุด ส่วน ILM แนะนำ “เก็งกำไร” จาก SSSG ที่ดี และ Valuation ถูก (ราคาเป้าหมาย เฉลี่ยจาก Consensus 21.35 บาท)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 348.58 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 32,899.70 จุด หลังเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง ในเดือนพ.ค. สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 325,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการ ว่างงานทรงตัวที่ 3.6% สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 3.5% ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลเฟด และ ECB มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลงตามตลาดดาวโจนส์ ท่ามกลางความกังวลเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ติดตามจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ค.จากไฉซินในเช้านี้
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 34.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 118.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังแนวโน้มความต้องการใช้น้ามันเพิ่มขึ้น หลังจีนผ่อนคลายการควบคุม COVID-19 ท่ามกลางปริมาณน้ำมันยังตึงตัว
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 21.2 ดอลลาร์ หรือ 1.13% ปิดที่ 1,850.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,066.04 / -1.08









