Daily Focus: Defensive Play
2022 SET Target: 1770
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวผันผวนโดยดัชนีปิดลบเล็กน้อย 1.71 จุด ณ สิ้นวัน ปัจจัยกดดันคือการที่ภาครัฐขอกลุ่มโรงกลั่นให้ส่งกำไรค่าการกลั่นให้กองทุนน้ำมันเพื่อดูแลราคาขายปลีก ส่วนกลุ่มที่ประคองตลาดคือกลุ่มสื่อสารฯ และโรงไฟฟ้า สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1.9 พันลบ.และ 1.6 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Short Index Futures อีก 6.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,545-1,570 จุด จากความกังวลเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนระยะสั้นอาจมี Technical Rebound ได้บ้าง หลังปรับลงแรงสัปดาห์ก่อน และ RSI เริ่ม Oversold แต่คาดการฟื้นตัวยังจำกัด โดยยังถูกกดดันจากนโยบายการเงินทั่วโลกตึงตัว และเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอ กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นคาดว่ายังถ่วงตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง 7% แต่จะหนุนกลุ่มโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้างให้ปรับตัวขึ้นได้แข็งกว่าตลาด เรายังคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งตัวใน 2H22 ตามการเปิดปรเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยประเมิน Downside ของ SET Index รอบนี้ที่บริเวณ 1,500-1,520+- จุด เป็นจังหวะในการสะสมหุ้นพื้นฐานอีกหนึ่งระดับ และยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Defensive Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น และหุ้น Reopening Play ที่ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Defensive Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : SC
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
- ยอด Presales 2QTD ยังแข็งแกร่ง และเดือน มิ.ย. ได้แรงหนุนจากการเปิดโครงการแนวราบอีก 6 โครงการ ทำให้แนวโน้มกำไรตั้งแต่ 2Q22 จะเร่งตัว Q-Q ทุกไตรมาส ของปี และทำจุดสูงสุดใน 4Q22 จาก Backlog ที่แข็งแกร่ง
- เราคาดกำไรปีนี้ +15% Y-Y ทำ New High และคาดกระทบจำกัดจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น จากฐานลูกค้าที่เป็นระดับกลาง-บน ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PER ต่ำเพียง 6 เท่า และให้ Dividend Yield เกือบ 7%
- แนวรับ 3.14 บาท แนวต้าน 3.30//3.40 บาท
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกากภูมิภาค US$847 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$503 ล้าน และ US$254 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนส่วนใหญ่ ม็ดเงินไหลออก นำโดยอินโดนีเซียและไทย ประเทศละ US$46-53 ล้าน แต่ไหลเข้าเวียดนามบางๆ แนวโน้มกระแสเงินทุนวันนี้คาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก โดยยัง ขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดยังกังวลเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ศบค.ปรับพื้นที่ทั่วประเทศเป็นสีเขียว และผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมทั้งการให้ถอดหน้ากากในที่โล่งได้เริ่มวันที่ 1 ก.ค. และเตรียมขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 2 ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยตั้งแต่ 1 ก.ค. จะไม่มี Thailand Pass แล้ว เป็นบวกต่อกลุ่ม Reopening ได้แก่ ท่องเที่ยว สายการบิน สนามบิน รวมถึงกลุ่มค้าปลีก และ ห้างสรรพสินค้า หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ SHR AOT CPN CPALL BDMS PR9
(+) กลุ่มรับเหมาฯ มีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวได้ตามปกติ ทำให้การกระจายแรงงานในประเทศดีขึ้น และก่อสร้างคาดดำเนินงานได้ราบรื่นมากขึ้น โดยปัจจุบันแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอยู่คิดเป็นเพียง 49% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 เรามองผู้ที่ได้ประโยชน์มากสุดคือ SEAFCO ที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าวถึง 80% และปัจจุบันเผชิญปัญหาแรงงานขาดแคลน ส่วน PYLON ปัจจุบันมีแรงงานเพียงพออยู่แล้ว
(+) FSMART เราคาดเบื้องต้นกำไร 2Q22 ทรงตัวใกล้เคียง 1Q22 ธุรกิจตู้บุญเติม ซึ่งมีลูกค้าอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ยังถูกกระทบจากค่าครองชีพที่สูงจึงระวังในการใช้จ่าย แต่จะได้ส่วนแบ่งกำไรจากตู้เต่าบินเข้ามาช่วย 1 เดือน แนวโน้มกำไรจะฟื้นชัดใน 2H22 จากธุรกิจเดิมและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของตู้เต่าบินเต็มไตรมาส กระแสตู้เต่าบินยังดีต่อเนื่อง มียอดขายเฉลี่ย 80 แก้ว/ตู้/วัน ราคาเฉลี่ย 35 บาท มีกำไรเฉลี่ยวันละเกือบ 1 ลบ. คงราคาเป้าหมาย 22 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) คาดการณ์หุ้นเข้าออก SET50-SET100 งวด 2H22 สําหรับ SET50 คาดหุ้นเข้า JMT JMART หุ้นออก RATCH STGT ส่วน SET100 คาดหุ้นเข้า AAV ASK FORTH ONEE PSL TIPH หุ้นออก BPP MAJOR RS SIRI STEC TTA
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 38.29 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 29,888.78 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเล็กน้อย เนื่องจากยังมีความกังวลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรายใหญ่ต่างๆ
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ท่ามกลางติดตามธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ในเช้านี้
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 35.29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 8.03 ดอลลาร์ หรือ 6.83% ปิดที่ 109.56 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้นํ้ามัน
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.3 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,840.6 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,075.53 / +11.6