สรุปภาวะตลาด
วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเปิดโดดในแดนบวกราว 9 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวนำตลาด ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,580.20 จุด +11.44 จุด +0.73% มูลค่าการซื้อขาย 59,201 ลบ. ต่างชาติ +1,676.09 ลบ. TFEX +15,408 สัญญา ตราสารหน้ี -554.03 ลบ.
ปัจจัยบวก +
+ สัญญาน้ามันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 109.57 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญกับภาวะตึงตัวมากขึ้น หลังจากกลุ่มประเทศ G7 ยืนยันใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในระดับที่รุนแรงขึ้นเพื่อสกัดแหล่งรายได้ในการทำสงครามของปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน
+ สหรัฐเปิดเผยยอดส่ังซื้อสินค้าคงทน เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์
+ ปธน.โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีแผนจะเจรจากันในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
+ ธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ มอร์แกน สแตนลีย์, โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก ประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลหลังผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
+ ธปท. เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อจากระดับ 1-3% ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น จากปัจจัยภายนอกเรื่องราคาน้ำมันที่เกินการควบคุม ทำให้มีโอกาสที่เงินเฟ้อจะออกนอกกรอบเป้าหมาย โดยยืนยันว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อระยะปานกลางที่ 1-3% เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย
+ กพท.ออกประกาศแจ้งสายการบินปรับมาตรการใหม่เข้าประเทศไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass หากฉีดวัคซีนครบ ไม่ต้องตรวจโควิด เริ่ม 1 ก.ค.นี้ แนะอยู่บนเครื่องบินยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เหตุเป็นพื้นที่ปิด
+Window Dressing ช่วงใกล้ปิดงบการเงินรายไตรมาสงวดสิ้นสุด 30 มิ.ย. 65
ปัจจัยลบ –
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 1,761 ราย ATK 2,151 ราย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย รักษาหาย 2,185 ราย
– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 62.42 จุด -0.20% ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งอ่อนไหว ต่ออัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP 1Q65 ของสหรัฐในวันพรุ่งน้ี
– ประธานธนาคารโลกเปิดเผยว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญ “ภาวะชะลอตัวอย่างหนัก” จากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย บางประเทศยากที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
– กองกำลังทหารในศรีลังการะดมกำลังเข้าช่วยจัดระบบต่อแถวซื้อน้ำมันเบนซินของประชาชน ท่ามกลางภาวะ ขาดแคลนเชื้อเพลิง และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 7 ทศวรรษของศรีลังกา
– หัวหน้าคณะกรรมาธิการพลังงานของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า EU ใกล้ที่จะเผชิญภาวะวิกฤตพลังงาน จากการที่รัสเซียตัดการส่งก๊าซธรรมชาติมายัง EU
– กรณีทิศทางดอกเบี้ยปรับสู่ขาขึ้นส่งผลกระทบกับกลุ่มคนที่มีภาระหนี้ในภาคครัวเรือนที่ในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเกิน 90% ของ GDP และสูงเป็นลำดับที่ 11 ของโลก กังวลกลุ่มรายได้น้อย 20% รายได้ 1 หมื่นบาท รายจ่าย 1.2 หมื่นบาท
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ของสหรัฐในวันพรุ่งน้ี ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงลุ้นการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบัน ในสัปดาห์นี้ มองกรอบการเคลื่อนไหวในวันน้ี 1,570-1,585 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- กม. PDPA มีผลบังคับใช้ : HUMAN SECURE ITEL IIG INSET
- กนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลัง KBANK SCB BBL KTB TISCOฃ
- ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเท่ียวของภาครัฐ : ERW CENTEL BA AAV AOT ASAP SPAล
- หุ้นที่เข้าคำนวณดัชนีครึ่งปีหลัง:
- SET50 เข้า BLA JMT JMART ออก COM7 RATCH STGT
- SET100 เข้า FORTH ONEE PSL TIPH ออก BPP RS SIRI TVO
หุ้นรายงานพิเศษ
ประเด็นบวกกลุ่มท่องเที่ยว AOT CENTEL ERW
- จำนวนนักท่องเที่ยว ม.ค.-พ.ค. 65 รวมอยู่ที่ 1.31 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มขึ้น 3,676%YoY ขณะที่ทั้งปี 64 มีนักท่องเที่ยว 4.27 แสนล้านคน หลังภาครัฐได้ยกเลิก Thailand Pass ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย สศค.คาดว่าปี 65 จะมีนักท่องเที่ยว 7 ล้านคน เติบโต 1,536% จากปี 64 แสดงให้เห็นว่าครึ่งปีหลังจำนวนนักท่องเที่ยวจะเร่งตัวขึ้น
- เรามีมุมมองบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวมีโอกาสเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง โดย CENTEL และ ERW จะได้รับประโยชน์ดังกล่าว เนื่องจากมีโรงแรมส่วนใหญ่อยู่ในไทย 80% และ 90% ตามลำดับ ขณะที่ AOT จะได้ประโยชน์จากผู้ใช้บริการท่าอากาศยานทั้งขาเข้าและขาออก รวมถึงรายได้จากการลงจอดของเครื่องบิน
หุ้นมีข่าว
(+) NRF (Bloomberg consensus – บาท) NRF ผนึก WINMED จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ขยายไลน์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซยกสินค้าที่ขายดีใน Amazon เข้าตลาดไทย เริ่ม Q4/2565 ชี้ตลาดใหญ่ 3 หมื่นล้าน เดินหน้าเจรจาดีล M&A ใน Amazon ต่อ คาด 3 ปี ปิดดีลกว่า 10 ดีล ชูเงินบาทอ่อนค่า ปัญหาขนส่งคลี่คลายดันออเดอร์ไหล ปีนี้คงเป้ารายได้โต 50-70% และปี 2566 โตไม่ต่ำกว่า 50% (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MAJOR (Bloomberg consensus 24.09 บาท) ขานรับเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น หนุนยอดจำหน่ายตั๋วได้ 100% จากปัจจุบันที่จำหน่ายอยู่ที่ 75% เพิ่มรอบฉายกลับไปเป็นปกติที่ 6-7 รอบต่อวัน จากปัจจุบันที่ฉาย 4-5 รอบต่อวัน จับตาครึ่งปีหลังหนังใหม่ไทย-เทศ จ่อคิวเข้าฉายเพียบ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) KEX (Bloomberg consensus 18.98 บาท) มั่นใจสิ้นปีผลงานเทิร์นอะราวด์ หลังโควิด-19 คลี่คลาย การแข่งขันด้านราคาลดลง เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ย้ำปริมาณการขนส่งปีนี้โต 30% เตรียมคลอดบริการส่งด่วน Kerry XL สำหรับสินค้าขนาดใหญ่ คาดชัดเจนขึ้นช่วงปลายปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CKP (Bloomberg consensus 6.50 บาท) รับอานิสงส์ฝนตกก่อนฤดูกาล แถมรับรู้ลงทุนโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้น หนุนรายได้ไตรมาส 2/2565 จับตาผลงานไตรมาส 3/2565 พีค หลังเข้าสู่ช่วงไฮของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ และไฮของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไตรมาส 4/2565 (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- 30 มิ.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
- 18-22 ก.ค. อภิปรายไม่ไว้วางใจ
- 10 ส.ค.ประชุมกนง.ครั้งที่ 4/65
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 28 มิ.ย. สหรัฐรายงานสต๊อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือน เม.ย. จากเอส แอนด์พี /เคส-ชิลเลอร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย. จาก Conference Board
- 29 มิ.ย. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.
สหรัฐรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2565 (ประมาณการครั้ง
สุดท้าย) สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
- 30 มิ.ย.โอเปกพลัสประชุมกำหนดนโยบายการผลิต
จีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือน มิ.ย. จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS)
สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์