Our View? “จะขึ้นดีๆ มันยังไม่ง่าย”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,575 / 1,565 และแนวต้านที่บริเวณ 1,585 / 1,590 เรามองตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นได้ดี แม้ว่าตลาดจะเริ่มปรับลดความกังวลของแนวโน้มการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอ-อ่อนตัวลงบ้างก่อนหน้า โดยล่าสุด CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดปรับลดคาดการณ์ ดอกเบี้ยในช่วงสิ้นปีของสหรัฐที่ระดับเพียง 3.50-3.75% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่สูงกว่าระดับ 4.0% คาดจะช่วยผ่อนคลายความกังวลของตลาดในช่วงก่อนหน้าให้ตลาดรีบาวด์ได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรายังมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง และมีโอกาสถดถอยในระยะถัดไป รวมทั้งการเข้าสู่ช่วงของการ Preview ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ บจ. ในตลาด คาดยังเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาดได้อยู่

ทางด้านสัญญาราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้ฟื้นตัวขึ้นต่อปิดที่ระดับ 109.57 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.95 ดอลลาร์ หรือ +1.81% โดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์การประชุม G7 คาดจะมีการออกมาตรการจำกัดราคาน้ำมันรัสเซีย ลดอุปทานน้ำมันลงเพิ่มเติม อีกทั้งข่าวการหยุดผลิตน้ำมันครั้งใหม่ในลิเบียและเอกวาดอร์จากการประท้วงทางการเมือง อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการเจรจาระหว่างอิหร่าน-สหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อีกครั้ง กระตุ้นแนวโน้มอิหร่านจะสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลกได้ในระยะถัดไป ยังเป็นปัจจัยหลักช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบระยะยาวได้ในระยะถัดไป รวมทั้งยังต้องติดตามการประชุม OPEC+ ในสัปดาห์นี้ หากมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีกครั้งคาด จะกดดันทิศทางราคาน้ำมันอ่อนตัวลงกดหุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดได้บ้าง โดยเรายังคงชอบหุ้นที่คาดจะได้รับประโยชน์ราคาน้ำมันที่ Upside เริ่มจำกัด และมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนปรับตัวลดลง อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) รวมทั้งหุ้นในกลุ่มสายการบิน (AAV และ BA) แนะนำรอสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ สัปดาห์นี้แนะนำติดตามแนวโน้มการทำ Window Dressing ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 2  คาดไม่ได้ส่งผลต่อตลาดมากนัก แต่อาจเห็นแรงเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม Big Cap. ได้บ้าง ขณะที่เมื่อวานนี้ ธปท. ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ส.ค. อีกครั้ง มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) โดยคาดว่าเครื่องยนต์หลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวในรอบนี้ คือ การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว 4.9% ในปี’65 และขยายตัว 3.6% ในปี’66 และภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว  โดยปีนี้คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ล้านคน ส่วนปีหน้าคาดว่าจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 19 ล้านคน ขณะที่คาดการณ์บัญชีดุลสะพัดจะขาดดุลที่ระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าที่ขาดดุล 6 พันล้านดอลลาร์ คาดยังเป็นปัจจัยหลักหนุนค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ต่อในระยะกลาง โดนเรามองสัปดาห์นี้ยังต้องติดตามทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้แนะนำ ติดตามตัวเลขส่งออก-นำเข้า เดือน พ.ค. ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะเห็นตัวเลขนำเข้าปรับตัวขึ้นสูงถึง +17.9% ส่งผลให้คาดการณ์ดุลการค้า -1.45 พันล้านเหรียญ ซึ่งทำให้แนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดยังมีแนวโน้มขาดดุลต่อไป ทำให้เราคาดว่าค่าเงินบาทในระยะกลางยังมีโอกาสอ่อนตัวลงได้ต่อ จนกว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ย เราคาดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ในช่วงเดือน ส.ค. นี้ คาดจะจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดได้อยู่

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “KBANK”

กลยุทธ์ ซื้อสะสม 149.00 / 148.00 Target 155.00 / 159.00 Stop <147.00

- Advertisement -