Daily Focus: Selective Play

2022 SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงแรงกว่าคาด ปิดลบ 17.85 จุด และหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,575-1,580 จุด ทำให้ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ ดลาดยังคงกังวลโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิด Recession ในปีหน้า สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 584 ลบ.และ 1.4 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures 7.2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสก่อนตัวลงในระยะถัดไป หลังดัชนีหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,575-1,580 จุดอีกครั้ง ภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ความกังวลหลักยังคงอยู่ที่เงินเฟ้อที่ยังสูง โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ทําให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอและอาจเสี่ยงถึงเกิด Recession ในอนาคต ล่าสุด Core PCE สหรัฐฯเดือน พ.ค. +4.7% Y-Y ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +4.9% Y-Y ทำให้ภาพรวมยังไม่แย่ ส่วนวันนี้จับตาเงินเฟ้อยุโรโซนเดือน มิ.ย. ตลาดคาด +8.4% Y-Y เร่งตัวจากเดือนก่อน เรามองตลาดจะยังผันผวนในช่วง 3Q22 แต่คาดไทยจะแข็งแรงกว่าตามเศรษฐกิจที่เป็นขาขึ้น กลยุทธ์ยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และมีแนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 ที่แข็งแกร่ง ถูกกระทบจากกําลังซื้อที่ชะลอและต้นทุนที่ปรับขึ้นจํากัด

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และแนวโน้มกำไร 2Q22 2H22 แข็งแกร่ง

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2023 จาก FSSIA 31 บาท
  • โมเมนตัมผลการดำเนินงาน 2Q22 อาจชะลอ Q-Q ตามฤดูกาลและสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลาย แต่คาดยังโตแกร่ง Y-Y จากทั้งผู้ป่วยที่ไม่ใช่ COVID-19 และต่างชาติที่เริ่มฟื้น
  • โมเมนตัม 2H22 คาดโดดเด่นทั้งปัจจัยฤดูกาลและนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามาชัดเจนมากขึ้น และคาดจะเต็มที่มากขึ้นในปี 2023 FSSIA คาดกำไรปี 2022-2023 +31% Y-Y และ +24% Y-Y ตามลำดับ เป็นหุ้น Defensive ที่แข็งแรงท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวน
  • แนวรับ 24.50//24 บาท แนวต้าน 26//27-27.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเร่งขึ้นเป็น US$1,201 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$835 ล้าน และ US$307 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเออกทุกประเทศ นำโดยไทย US$39 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก โดยตลาดยัง Monitor เงินเฟ้อในช่วง 3Q22 ซึ่งมีผลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสเกิด Recession โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) กลยุทธ์การลงุทนเดือน ก.ค. ยังยาก คาด SET Index ยังผันผวนสูงฟื้นตัวจํากัด และยังเสี่ยงปรับฐานจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อทั่วโลกที่สูงยาว ทําให้ดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ต้องปรับขึ้นเร็วและเพิ่มโอกาสเกิด Recession ในปีหน้า เรามองตัวเลขเศรษฐกิจ 3Q22 จะมีความสําคัญต่อการลงทุนใน 4Q22-2023 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในประเทศยังได้เรื่องเศรษฐกิจที่เร่งตัวตามการ Reopening ช่วยประคอง กลุ่มธนาคารได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และ Valuation ยังต่ำ เราประเมินกรอบดัชนีที่ 1,520-1,620 จุดเดือนนี้ และมองจังหวะปรับฐานลงใกล้กรอบล่างในการเข้าสะสมหุ้น ยังเน้นกลุ่ม Value Play ที่ราคายัง Laggard และ Valuation ต่ำเทียบกับก่อน COVID-19 ได้แก่ CK CPN GFPT KTB MAKRO

(+) ธปท.แถลงเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค. ฟื้นดี ตามการ Reopening การส่งออกแข็งแกร่ง และการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนเงินเฟ้อคาดสูงสุดใน 3Q22 แตะ +8% Y-Y ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงมีการปรับมาตรการสําหรับธนาคารพาณิชย์โดยยกเลิกเพดานการจ่ายปันผล ให้ธนาคารกลับมาจ่ายเงินนำส่ง FIDF กลับมาปกติที่ 0.46% ในปี 2023 แต่ยังให้ช่วยเหลือลูกหนี้ที่เปราะบางต่อเนื่องในช่วง 1 ปีข้างหน้า โดยรวมเราไม่ได้มองลบต่อกลุ่มธนาคาร และคาดมี Catalyst บวกจากโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปี หุ้นกลุ่มธนาคารที่ยังเทรด PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นสูง ได้แก่ KTB BBL KBANK

(+) JWD จับมือ CPN รุกธุรกิจ Self-storage โดย CPN จะถือ 30% ใน JWD Store It (บ.ย่อยของ JWD) ซึ่งปัจจุบันมี 7 สาขาในกรุงเทพและภูเก็ต พื้นที่รวมเกือบ 20,000 ดรม. มีบริการห้องเก็บไวน์ ตู้นิรภัยให้เช่า การร่วมมือครั้งนี้นับเป็น Win-Win ทั้งคู่ โดย JWD มี know-how ในการบริหาร Storage ซึ่งรองรับลูกบ้านจากคอนโด แขกที่มาพักในโรงแรม และเป็นการเพิ่มบริการให้ทั้งผู้เช่าในศูนย์การค้าและออฟฟิศของ CPN ทำให้ Store It ขยายสาขาได้เร็วขึ้น JWD ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 15 แห่งสิ้นปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ 1 พันลบ.ด้วยพื้นที่ 100,000 ตรม.ภายในปี 2025 เรายังแนะนำ “ซื้อ” JWD ราคาเป้าหมาย 23 บาท และแนะนำซื้อ CPN ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 85 บาท

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 253.88 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 30,775.43 จุด จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังเฟดส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังธนาคารกลางต่างๆ เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม โดยฟื้นตัวหลังปรับลงในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่าลง อยู่ที่บริเวณ 35.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 4.02 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 105.76 ดอลลาร์/บาร์เรล จากกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และความต้องการใช้นํ้ามันชะลอตัว ขณะที่ผลการประชุมโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลัง การผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,807.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1,050.31 / -2.32

- Advertisement -