บล.เอเซีย พลัส:

คาดกำไรปกติ 2Q65 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง YoY

เราคาดกำไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+24.2%YoY, -22.1%QoQ) การอ่อนตัว QoQ หลักๆ มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลงจากภาวะวิกฤตเงินเฟ้อ ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้นจากการค่าใช้จ่ายในขยายสาขาและค่าไฟที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การเติบโต YoY ขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของทุกส่วนในธุรกิจและการรับรู้ผลประกอบการของ Lotus’s เข้ามาตั้งแต่ 4Q64

ประมาณการกำไรปี 2565-66 อาจมี Downside จาก 1) กำไรปกติในช่วง 1H65 คิดเป็นสัดส่วนเพียงราว 38.4% ของประมาณกำไรทั้งปี 2565 2) แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ต่อราคาต้นทุนสินค้าและค่าน้ำมัน/ค่าไฟ แต่เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกกับ MAKRO ในระยะยาว เพราะแนวโน้มกำไร 2H65 ดีกว่า 1H65 และคาดกำไรปี 2565-66 โตไม่ต่ำกว่า 18% และ 64% ตามลำดับ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 1.6 พันล้านบาท (+24.2%YoY, -22.1%QoQ)

คาดกำไรปกติ 2Q65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+24.2YoY, -22.1%QoQ) ซึ่งสาเหตุการอ่อนตัว QoQ หลักๆ มาจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่คาดปรับตัวลดลงเป็น 15.2% จากเดิม 15.4% ในงวด 1Q65 ที่ผ่านมา เนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่คาดว่าไม่สามารถผลักภาระราคาต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นให้กับลูกค้าได้ทั้งหมด บวกกับต้นทุนค่าขนส่ง (Transportation Cost) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะราคาน้ำมันที่ยังคงยืนสูงจากวิกฤตสงครามรัซเซีย-ยูเครน จึงคาดจะไปหักล้างรายได้ที่คาดจะเติบโต 2.7% QoQ ประกอบกับสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (SG&A/Sale) สูงขึ้นเป็น 13.5% จากเดิม 13.4% ในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากรายจ่ายที่ใช้ในการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นและค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนการเติบโต YoY มาจากการรับรู้ผลประกอบการของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก (Lotus’s) ในสัดส่วนที่สูงขึ้น หลังเข้าถือหุ้น Lotus’s เพิ่มขึ้นเป็น 100% ตั้งแต่ 4Q64 จากเดิมที่ไม่ได้ถือหุ้นในธุรกิจ Lotus’s โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการเติบโตคือ 1) ยอดขายหลักอยู่ที่ 1.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.7%YoY ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจค้าส่ง MAKRO ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท (+8.5%YoY) สนับสนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในระดับราว 6%YOY และการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 2 แห่ง (+2.5%YoY) เทียบกับ 2Q64 รวมถึง การรับรู้รายได้จากธุรกิจ Lotus’s อยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่มีในงวด 2Q64 ที่ผ่านมา 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ทำได้ดีขึ้นเป็น 15.2% จากเดิม 9.6% ในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว แม้จะเจอแรงกดดันจากภาวะวิกฤตเงินเฟ้อเข้ามากระทบบ้าง แต่สัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มอาหารสด (มาร์จิ้นดีกว่ากลุ่มอาหารแห้ง) ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเริ่มเห็นการฟื้นตัวจากกลุ่มลูกค้า HORECA ที่มีมาร์จิ้นสูง (ลูกค้าที่ประกอบธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร) ประกอบกับในงวดนี้มีการบันทึกผลการดำเนินงานของ Lotus’s ที่มีมาร์จิ้น ของธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่เช่าสูง เมื่อเทียบกับ 2Q64 ที่ยังมีแต่ธุรกิจค้าส่งดั้งเดิมของ MAKRO เข้ามา คาดว่าสามารถลดแรงกดดันจากภาวะวิกฤตเงินเฟ้อได้ในบางส่วน

แม้มีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรลง แต่ภาพกำไร 2H65 จะฟื้นตัว

ประมาณการกำไรปี 2565-66 อาจมี Downside อยู่บ้าง มาจาก 1) หากกำไรปกติงวด 2Q65 เป็นไปตามฝ่ายวิจัยคาดการณ์ จะทำให้กำไรปกติโดยรวมในช่วง 1H65 มีสัดส่วนราว 38.4% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 9.5 พันล้านบาท 2) แรงกดดันจากภาวะวิกฤตเงินเฟ้อ ที่คาดว่าทางบริษัทอาจไม่สามารถผลักภาระต้นทุนสินค้าให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้ทั้งหมด 3) ต้นทุนค่าค่าขนส่งและค่าไฟ (มีสัดส่วนรวมกันราว 3-4% ของรายได้รวม) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาวะสงครามรัซเซีย-ยูเครน จึงทําให้ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มจะปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลง หลังจากวันประกาศผลประกอบการช่วงกลางเดือนหน้า ทั้งนี้แม้ในระยะสั้นแนวโน้มกำไรของ MAKRO อาจจะยังดูไม่โดดเด่น แต่ฝ่ายวิจัยยังคาดว่าแนวโน้มกำไรของ MAKRO ในช่วง 2H65 จะดีกว่าช่วง 1H65 เนื่องจาก 1) ยอดขายที่ประเมินว่าจะสูงขึ้น มาจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่มากขึ้นในงวด 3Q65 หนุนจาก MAKRO ได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบายเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ที่เริ่ม 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย และคาดว่า SSSG จะยังคงสูงต่อเนื่องไปถึง 4Q65 (เป็นช่วง High Season ที่มีการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายมากที่สุด 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่ประเมิน ว่าจะเริ่มทยอยลดลง มาจากการรีแบรนด์ของ Lotus’s ที่คาดว่าแล้วเสร็จในงวด 3Q65

แนวโน้มกำไรระยะสั้นอาจจะยังไม่โดดเด่น แต่ภาพระยะกลาง-ยาว ยังดูดี

เบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าประมาณการกำไรปี 2565-66 อาจมี Downside ราว 7-11% ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปรับลดจากเดิม 46 บาท เหลือ 42-43 บาท ถึงราคาที่ปรับลงมาแล้ว ยังมี Upside ราว 18-21% ประกอบกับฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองบวกกับ MAKRO ในภาพระยะยาว เนื่องจาก 1) คาดว่าแนวโน้มกำไรในช่วง 2H65 จะดีกว่าช่วง 1H65 2) แนวโน้มการเติบโตของกำไรใน 1-2 ปีนี้ ยังคงดูดี โดยคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 18% ในปี 2565 และ 64% ในปี 2566 จากการเริ่มฟื้นตัวของธุรกิจ Lotus’s จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ประเด็นความเสี่ยงของธุรกิจ

1) เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังชื้อที่ลดลง

2) การแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรม

3) การแย่งลูกค้ากันเองของสาขาที่เปิดบริเวณใกล้เคียงกัน

MAKRO แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 35.5

ราคาเป้าหมาย (บาท) 46.0

Upside (%) 29.6

Dividend yield (%) 1.9

 

- Advertisement -