บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) +13%

Close Jul 14, 2022 Price (THB) 167.00

12M Target (THB) 189.00

Previous Target (THB) 233.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิใน 1Q65/66 -32%QoQ -16%YoY ถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่ม
  • คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง บริษัทเริ่มมีการเจรจาปรับราคาวัตถุดิบกับลูกค้า และคาดปัญหาขาดแคลนชิพจะเริ่มคลี่คลาย
  • เราปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลง 15% เหลือ 1,384 ล้านบาท (-9%YoY) สะท้อนการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาด

Our view

  • เรามีมุมมองเป็นลบในระยะสั้นต่อผลประกอบการใน 1Q65/66 ที่อ่อนแอ ก่อนที่ผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ในช่วงครึ่งปีหลัง
  • เราแนะนำเพียง “เก็งกำไร” เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 233 บาท เหลือ 189 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร อิง PE เฉลี่ย 5ปี ที่ 10.5x

THAI STANLEY ELECTRIC คาด 1Q65/66 ชะลอตัว ต้นทุนกดดัน รอฟื้นครึ่งปีหลัง

คาดกำไร 1Q65/66 ลดลง 32%QoQ และ16%YoY ถูกกดดันจากต้นทุนที่เพิ่ม

คาดกำไรสุทธิใน 1Q65/66 (สิ้นสุด มิ.ย 65) ที่ 321 ล้านบาท -32%QoQ -16%YoY โดยยอดขายชะลอตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งเป็น Low season วันหยุดยาวหลายวัน แต่ฟื้นตัวเล็กน้อย 2%YoY ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการฟื้นตัวของยอดขายในประเทศเป็นหลัก

ประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง จากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก หลักๆ คือ ตัวเรซิ่น รวมถึงต้นทุนใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่ม จากต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จากปัญหาขาดแคลนชิพและขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในอุตสาหกรรม โดย EBITDA Margin ลดลงจาก 1Q64/65 ที่ 21.4% เป็น 20.5%

คาดผลประกอบการจะฟื้นในครึ่งปีหลัง

คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวใน 2H65/66 บริษัทเริ่มมีการเจรจาปรับราคาวัตถุดิบกับลูกค้าในช่วง 2Q65/66 ขณะที่แนวโน้มราคาวัตถุดิบคาดว่าจะทรงตัวหรืออ่อนลงในครึ่งปีหลัง ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งแนวโน้มเป็น Sideway down ส่วนประเด็นปัญหาขาดแคลนชิพเริ่มจะบรรเทาความรุนแรงลง ปรับลดประมาณการ สะท้อนการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาด เรามีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2565/66 ลงจากเดิม 15% เหลือ 1,384 ล้านบาท (-9%YoY) จากผลประกอบการที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ทั้งนี้เรายังคงประมาณการรายได้ที่ 14,218 ล้านบาท +5%YoY ตามการเติบโตของอุตสาหกรรม ซึ่งทาง STANLY ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มสำหรับสินค้าหลอดไฟ ทั้งไฟหน้า-ไฟท้าย ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถมอเตอร์ไซค์, และรถกระบะ รวมถึงโมเดลใหม่ที่เป็นคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ  ขณะที่เราปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นจากเดิมที่ 19.6% เหลือ 18.1% ตามราคาวัถุดิบที่สูงกว่าที่เราคาดไว้ และปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มจากเดิมราว 2.2%

ตลาด EV ช่วงแรกยังมีส่วนร่วมน้อย… แต่ระยะยาวยังมองบวก

เรามีมุมมองเป็นกลางในระยะสั้น ต่อการที่รัฐบาลส่งเสริมตลาด EV ในช่วง 1-2 ปีแรก ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นการนำเข้ามาจำหน่าย ขณะที่ STANLY เริ่มมีการไปเจรจากับค่ายรถยนต์จีน ซึ่งหากจะมีการผลิตในประเทศไทยคาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 1-2ปี ขณะที่ฐานลูกค้าเดิมของบริษัทซึ่งเป็นค่ายญี่ปุ่นยังพยายามยื้อให้ช่วงแรกเป็นการทำตลาดไฮบริดไปก่อน คาดการลงทุนแบบ Mass น่าจะเป็นช่วง 2 ปี ข้างหน้า ซึ่งระยะยาวเรายังมองเป็นบวกต่อ STANLY ที่มีจุดแข็งจากการเป็นผู้ผลิต โคมไฟและหลอดไฟ สำหรับรถยนต์ รายใหญ่สุดในประเทศ ส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 70% ซึ่งหากมีการผลิตแบบเต็มตัวในอนาคต บริษัทจึงเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้ประโยชน์มากสุด โดยบริษัทมีการเตรียมความพร้อมให้โรงงานใหม่ Lamp8 รองรับโมเดลระบบโคมไฟที่สามารถที่จะใช้กับรถไฟฟ้าได้ในอนาคต

ลดคำแนะนำ เป็น “เก็งกำไร” รอซื้อหลังประกาศงบ

เรามีมุมมองเป็นลบในระยะสั้น ต่อผลประกอบการใน 1Q65/66 ที่อ่อนแอ ก่อนที่ผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง เราปรับลดมูลค่าพื้นฐานจากเดิมที่ 233 บาท เหลือ 189 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไร อิง PE เฉลี่ย 5ปี ที่ 10.5x

- Advertisement -