บล.เอเซีย พลัส:
กำไร 2Q65 ตามคาด
2Q65 กำไรตามคาด 515 ล้านบาท เพิ่ม 7% yoy จากประสิทธิภาพทำกำไร ทั้งธุรกิจอสังหาฯ เพื่อขายในส่วนแนวราบและคอนโดฯ รวมถึงธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว ทำให้ Gross Margin เฉลี่ย 34.3% เพิ่มจาก 30% งวดปีก่อน ขณะที่ยอดโอนฯ ทรงตัว 1.97 พันล้านบาท ภาพรวมกำไร 1H65 เท่ากับ 1.1 พันล้านบาท เติบโต 20.5% yoy และคิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรทั้งปี
แรงหนุนจากการเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่า 5.5 พันล้านบาทใน 2H65 และการเปิดประเทศที่จะช่วยเพิ่มยอดขายโครงการคอนโดฯ Q-สุขุมวิท, การดำเนินงานฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม และบริษัทร่วม HMPRO คาดผลักดันต่อการดำเนินงาน 2H65 เติบโตต่อเนื่อง HoH และ YoY คงประมาณการ คาดกำไรปีนี้บรรลุได้ที่ 2.03 พันล้านบาท กลับมาเติบโตรอบ 3 ปีที่ 22% yoy แนะนำซื้อ FV 2.70 บาท พร้อมคาดเงินปันผลเฉลี่ย 5.4% ต่อปี
กําไร 2Q65 เป็นไปตามคาด
งวด 2Q65 กำไรสุทธิตามคาด 515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% yoy จากรายได้ดำเนินงาน 2.19 พันล้านบาท สูงขึ้น 4.2% yoy หลักๆ มาจากธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวเด่นชัด 1.3 เท่าตัว YoY อยู่ที่ 149 ล้านบาท หลังเปิดประเทศ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยอดโอนฯ ทรงตัวอยู่ที่ 1.97 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 1.68 พันล้านบาท และคอนโดฯ 290 ล้านบาท ในส่วนนี้มาจาก Q-สุขุมวิท 2 ยูนิตราว 200 ล้านบาท ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงระดับ 35% ประกอบกับมาร์จิ้นแนวราบสูงกว่าเดิมจากการขายโอนฯ โครงการใหม่ ทำให้ Gross Margin ขายฯ ดีขึ้นเป็น 34% เทียบกับงวดปีก่อนที่ 31.4% (มาร์จิ้นแนวราบและคอนโดฯ อยู่ที่ 34.7% และ 30% เทียบกับงวดปีก่อนที่ 32.3% และ 18% ตามลำดับ) เช่นเดียวกับมาร์จิ้นโรงแรมกลับมาเป็นบวก 24.6% จากติดลบ 57.6% งวดปีก่อน ตามรายได้ที่สูงขึ้น ภาพรวมทำให้ Gross Margin เฉลี่ยเพิ่มเป็น 34.3% จาก 30% งวดปีก่อน ด้านส่วนแบ่ง กำไรบริษัทร่วมลดลง 4.7% yoy อยู่ที่ 363 ล้านบาท เหตุจากการลดลงแรงของกำไร LHFG เป็นหลัก และไม่สามารถชดเชยกับการฟื้นตัวของกำไร HMPRO
หากเทียบกำไร 2Q65 กับ 1Q65 พบว่าลดลง 12% qoq ตามส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่อ่อนตัว 9% qoq จากเหตุผลเดียวกันข้างต้น ขณะที่ยอดโอนฯ เพิ่ม 3% qoq และ Gross Margin ขายฯ ทรงตัวที่ 34%
สำหรับ 1H65 มีกำไร 1.1 พันล้านบาท (+20.5% yoy) ขับเคลื่อนจากประสิทธิภาพทำกำไรที่มีพัฒนาการดีขึ้น เห็นได้จาก Gross Margin ขายฯ 34% สูงจาก 30.7% งวด 1H64 จากมาร์จิ้นกลุ่มแนวราบและคอนโดฯ ด้านยอดโอนฯ เพิ่มเล็กน้อย 1.4% yoy ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมใกล้เคียงงวดปีก่อนที่ 763 ล้านบาท สำหรับโครงสร้างการเงินมี Net Gearing อยู่ระดับต่ำที่ 0.44 เท่า ทรงตัวจากสิ้น 1Q65
2H65 มีแรงหนุนจากเปิด 4 โครงการใหม่
ภาพธุรกิจ 2H65 มีปัจจัยขับเคลื่อนจากการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่มากขึ้น 4 โครงการ มูลค่า 5.5 พันล้านบาท (เทียบกับ 1H65 เปิด 2 โครงการ มูลค่า 4 พันล้านบาท) โดยในนี้ 2 โครงการจะเป็นบ้านเดี่ยวระดับ Hi-End แบรนด์ “ลัดดารมย์” มูลค่า 3.6 พันล้านบาท ย่านราชพฤกษ์ตัดใหม่ และจตุโชติ (วัชรพล) ถือเป็นทำเลที่น่าสนใจและมีความต้องการที่พักอาศัยสูง สะท้อนจากช่วง 1Q65 เปิดบ้านเดี่ยว พฤกษ์ภิรมย์ ราชพฤกษ์ ตัดใหม่ ก็ได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ หลังยกเลิก Thailand Pass ตั้งแต่ 1 ก.ค. 2565 ได้ดึงจำนวนนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น น่าจะหนุนต่อการสร้างยอดขายเพิ่มเติมในโครงการ Q-สุขุมวิท รวมถึงการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม และบริษัทร่วมอย่าง HMPRO ฟื้นตัวต่อเนื่อง จึงคงประมาณการเดิม คาดกำไรปี 2565 ที่ 2.03 พันล้านบาท (กำไร 1H65 คิดเป็น 54% ของเป้าทั้งปี) กลับมาเติบโตรอบ 3 ปีที่อัตรา 22% yoy
ซื้อ… FV 2.70 บาท พร้อมคาดปันผล 5.4% ต่อปี
อิงวิธี SOTP ให้มูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 2.70 บาท แบ่งเป็นมูลค่าของบริษัทร่วม 2.42 บาท และของ QH ที่ 0.28 บาท มี upside 23% ขณะที่การดำเนินงาน 2H65 จะดีขึ้นทั้ง HoH และ YoY จึงคงแนะนำซื้อ คาดเงินปันผลระดับ 5.4% ต่อปี
ESG
Environment : ส่งเสริมและปลูกฝังจิตสำนึกพนักงานให้มีส่วนร่วมใน การรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ทำการล้างถนนภายในโครงการ เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ
Social : ให้ความสำคัญกับคุณภาพสังคมในโครงการ เน้นความปลอดภัยของลูกค้า รวมถึงสังคมโดยรอบ ส่งเสริมและรับผิดชอบต่อชุมชนใน บริเวณรอบๆ พื้นที่บริษัท และบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจอยู่
Governance: กําหนดนโยบายเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจกาจจรรยา บรรณธุรกิจ และการต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ไว้เป็นลายลักษณ์ อักษร เพื่อให้ทุกคนในบริษัทรับทราบและถือปฏิบัติ
ประเด็นความเสี่ยง
1.ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ได้แก่ ความเชื่อมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ก็จะกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อโครงการ ส่งผลให้ยอดขายและยอดโอนไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้
2.ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้การ ควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทำกำไรทำได้ยากขึ้น
QH แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 2.20
ราคาเป้าหมาย (บาท) 2.70
Upside (%) 22.60
Dividend yield (%) 5.40







