บล.เอเซีย พลัส:

กําไร 2Q65 ดีตามคาด น่าจะผ่านจุดสูงสุดของปีแล้ว

กำไรสุทธิ 2Q65 เท่ากับ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.4%qoq ตามคาด รับผลบวกจากผลการดำเนินงานปกติที่พลิกกลับเป็นกำไรสูงถึง 5.6 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เผชิญกับผลขาดทุนปกติ 1.1 พันล้านบาท ตาม Market GIM ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.1 จาก 7.1 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วน 3Q65 คาดกำไรปกติจะลดลง QoQ ตามแนวโน้มค่าการกลั่นที่เริ่มเห็นการปรับตัวลดลงในปัจจุบัน และใน 4Q65 จะลดลงต่อเพราะมีหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงโรงกลั่น 1 เดือน

ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 4.1 บาท/หุ้น แม้ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับฐานสะท้อนปัจจัยกระทบต่างๆในระดับหนึ่งแล้ว จนเห็น upside สูง แต่เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยเร่งทางด้านพื้นฐานช่วงสั้น เพราะทิศทางกำไรน่าจะผ่านระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี 2565 ไปแล้วใน 2Q65 ดังโดยมี dividend yield ในระดับที่ดีกว่า 5% ต่อปี ดังนั้นจึงให้น้ำหนักไปที่ปันผล

กําไรสุทธิ 2Q65 เพิ่มขึ้น 155.4%QoQ จากค่าการกลั่นตามคาด

IRPC รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 3.8 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 155.4%qoq ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ รับผลบวกจากผลการดำเนินงานปกติในงวด 2Q65 ที่พลิกกลับเป็นกำไรสูงถึง 5.7 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่เผชิญกับผลขาดทุนปกติ 1.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตาม Market GIM (Gross Integrated Margin) ในงวด 2Q65 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.1 จาก 7.1 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ในงวดก่อนหน้า ตาม spread ปิโตรเลียม (Refinery+Lube) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16.3 จาก 4.4 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในงวดก่อนหน้า (แบ่งเป็น spread refinery ที่ 15.6 จาก 4.2 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ spread tube ที่ 0.7 จาก 0.2 เหรียญฯต่อบาร์เรล) ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจากความกังวลในสถานการณ์ รัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ รวมถึงการ sanction ของกลุ่มทวีปยุโรปที่มีต่อรัสเซีย ส่วน spread ธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.0 จาก 1.7 เหรียญๆ ต่อบาร์เรล (แบ่งเป็น spread aromatics & styrenics ที่ 1.3 จาก 1.0 เหรียญฯต่อบาร์เรล และ spread olefins ที่ 1.6 จาก 0.7 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล) ส่วน spread ธุรกิจโรงไฟฟ้า และยูทิลิตี้ ลดลงเล็กน้อยจากงวดก่อนหน้าที่ 0.96 มาอยู่ที่ 0.86 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ crude run นั้น ในงวด 2Q65 พบว่าปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 1.98 จาก 1.94 แสนบาร์เรลต่อวัน ในงวดก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ตลาดปิโตรเลียมปรับตัวดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม กำไรปกติที่ดีขึ้นมากบางส่วนถูกหักล้างจากรายการพิเศษที่สุทธิแล้วในงวดนี้ บันทึกกลับเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษ 1.8 พันล้านบาท จากงวดก่อนหน้าที่รายการพิเศษสุทธิเป็นกำไรพิเศษ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งหลักๆ เป็นผลมาจากการบันทึกขาดทุน oil hedging รวมที่สูงถึง 5.8 พันล้านบาท (แบ่งเป็น realized oil hedging 5.3 พันล้านบาท และunrealized oil hedging 548 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้าที่บันทึกขาดทุนฯ รวมราว 3.0 พันล้านบาท  อีกทั้งยังบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันลดลงเหลือ 4.0 จาก 6.0 พันล้านบาท ในงวดก่อนหน้า

โดยรวมแล้วกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรสุทธิงวด 1H65 อยู่ที่ 4.5 และ 5.3 พันล้านบาท ตามลำดับ โดยกำไรปกติงวด 1H65 คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรปกติ ทั้งปี 2565 ที่ประเมินไว้

คงประมาณการปี 2565…แนวโน้มกำไร 3Q65 ลดลง QOQ และจะลดลงต่อใน 4Q65

เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 6.2 พันล้านบาท ภายใต้สมมติฐาน Market GIM ที่ 13.5 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล (ค่าเฉลี่ย 1H65 อยู่ราว 13.9 เหรียญฯต่อบาร์เรล) และอัตราการเดินเครื่องของโรงกลั่นในปี 2565 จะใกล้เคียงปี 2564 ที่ราว 1.90 แสนบาร์เรลต่อวัน เพราะมีแผนหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุง major turnaround ราว 1 เดือน ในงวด 4Q65

โดยทิศทางกำไรในช่วง 2H65 น่าจะเห็นการอ่อนตัวลงจาก 1H65 จากทั้งแนวโน้มค่าการกลั่นที่เริ่มเห็นการปรับตัวลดลงหลังจากทำระดับสูงสุดไปแล้วในงวด 2Q65 ซึ่งสถานการณ์ ค่าการกลั่นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยฯ และรวดเร็ว เพียงภายในช่วงเวลา 1 เดือน ที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกได้ให้น้ำหนักกับความกังวลในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันความต้องการใช้สินค้า commodity โดยเฉพาะน้ำมัน รวมถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีให้ปรับตัวลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูป และราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวลดลงค่อนข้างมีนัยฯ ในปัจจุบัน เบื้องต้นคาด Market GIM ในงวด 3Q65 น่าจะปรับตัวลดลงมาอยู่ราว 13-15 เหรียญฯต่อบาร์เรล และคาดแนวโน้มกำไรในงวด 4Q65 จะลดลงจาก 3Q65 เนื่องจากจะได้รับแรงกดดันจากแผนหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุง major turnaround ราว 1 เดือน ในงวด 4Q65 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นลดลงเหลือเพียง 1.3 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปกติที่อยู่ราว 1.9 2.0 แสนบาร์เรลต่อวัน

(ส่วนในปี 2566 กำหนดสมมติฐาน Market GIM ที่ราว 12.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล และอัตราการเดินเครื่องโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.0 แสนบาร์เรลต่อวัน เพราะไม่มีแผน shutdown โรงกลั่นเช่นที่เกิดขึ้นในปี 2565)

ESG

Environment : มุ่งมั่นดูแลและป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีการประเมินผลก่อนการลงทุนในโครงการต่างๆ นำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ พร้อมทั้งปลูกฝังจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมให้กับพนักงาน

Social : กำหนดให้งาน CSR เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์องค์กร จัดกิจกรรมเพื่อสังคมเป็นประจำทุกปี ปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมดำเนินการตามแนวทาง UN Global Compact และ ISO 26000

Governance : ประกาศใช้หลักกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยจัดทำและปรับปรุงคู่มือให้เหมาะสม โดยนำหลักเกณฑ์ปฏิบัติของ ก.ล.ต., ตลท., OID, และหลักสากลมาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ

IRPC แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 3.42

ราคาเป้าหมาย (บาท) 4.10

Upside (%) 19.9

Dividend yield (%) 4.7

- Advertisement -