บล.พาย:

KEX: บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) “คาดขาดทุนสุทธิใน 2Q22 คือจุดต่ำสุดของปี 2022”

คาดผลขาดทุนสุทธิใน 2Q22 ที่ 732 ล้านบาท คือจุดต่ำสุดของปี 2022 แต่น่าจะยังมีผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาสหน้า จากการดำเนินกลยุทธ์ลดราคาอย่างต่อเนื่องที่บริษัทระบุว่าคุ้มค่า เพราะชิงปริมาณจัดส่งจากคู่แข่งได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่คาดว่าผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรสุทธิใน 1Q23 เมื่ออุตสาหกรรมจัดส่งพัสดุด่วนเริ่มมีการควบตลาด และคาดว่าจะมีผู้เล่นเอกชนเหลือแค่รายหลักไม่กี่รายหลังจากนั้น

ขาดทุนสุทธิต่ำที่สุดตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

  • ขาดทุนสุทธิ 2Q22 อยู่ที่ 732 ล้านบาท ต่ำสุดตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือน ธ.ค. 2020 เทียบขาดทุนสุทธิ 491 ล้านบาทใน 1Q22 ผลประกอบการดังกล่าวต่ำกว่าตลาดคาด การหดตัวลง YoY เป็นผลจากกลยุทธ์การตัดราคาเชิงรุก และต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น
  • การปรับตัวลดลง QoQ มีสาเหตุจากรายได้ที่ลดลง 3% เป็น พันล้านบาท 4.3 ท่ามกลางช่วง low season บวกกับแรงกดดันจากต้นทุนขาขึ้นที่มาจากสภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และต้นทุนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันคุณภาพบริการ และการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับปริมาณจัดส่งที่จะเพิ่มขึ้น
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ยังอยู่ในแดนลบที่ 11.7% ต่ำสุดตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ สืบเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

สงครามราคาอาจกินเวลาไปอีก 2 ไตรมาส

บริษัทออกอีกแคมเปญในการลดราคาเริ่มต้นสำหรับพัสดุประเภทถุง (seal bag) ที่ 15 บาทในช่วงปลาย 2Q22 ต่ำกว่าโปรโมชั่นก่อนหน้าในช่วงเดือน พ.ย. 2021 ที่ 19 บาทต่อพัสดุขนาดเล็ก 1 ชิ้น บริษัทยังเดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอย่างดี เพราะชิงปริมาณจัดส่งขนาดใหญ่จากคู่แข่งได้ (ปริมาณจัดส่งพัสดุโตขึ้น 35.7%YoY ใน 1H22 เทียบกับ +10.8% ใน 1H21) แต่ต้องแลกกับราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง โดยคาดการณ์อย่างรัดกุมว่าจะลดลง 20% ในปี 2022 (-24% ในปี 2021) ขณะที่คาดว่าปริมาณจัดส่งพัสดุจะโต 27%YoY เป็น 490 ล้านชิ้นในปี 2022 (+30%YoY ในปี 2021) หนุนจากกลยุทธ์การตัดราคาเชิงรุก ผู้บริหารคาดถึงการพลิกฟื้นเป็นกำไรสุทธิอีกครั้งภายใน 4Q22 แต่ด้วยการแข่งขันที่ยังดุเดือด ขณะที่ราคาน้ำมันยังลดลงจากยอดสูงไม่มาก เราจึงคาดว่าบริษัทจะยังมีผลขาดทุนจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ด้วยขนาดการขาดทุนที่เล็กลงเมื่อเทียบกับ 1H22 ก่อนที่จะพลิกเป็นกำไรเล็กน้อยอีกครั้งใน 1Q23

คงคําแนะนํา “ถือ”

คงคำแนะนำ “ถือ” ขณะที่ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานจาก 22.00 บาท เป็น 23.50 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC7.4%) อิง 39.0xPE’24E คิดเป็นค่าพรีเมี่ยม 20% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มขนส่งไทย ศักยภาพในการทำกำไรยังดีแต่การกลับไปสร้างกำไรระดับพันล้านบาทเหมือนช่วงก่อน สงครามราคาดูจะเป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ ทั้งนี้ บริษัทมี upside จากโครงการร่วมทุน เช่น การจัดส่งแบบควบคุมอุณหภูมิกับ Betago และดีลล่าสุดกับผู้ให้บริการสมาร์ทล็อคเกอร์สัญชาติจีนอย่าง “HIVE BOX’ เพื่อจัดตั้งระบบสมาร์ทล็อคเกอร์ชั้นนำในไทย แต่คาดว่าพัฒนาการส่วนนี้จะสร้างส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยต่อกำไรโดยรวมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

รีวิวผลประกอบการ

  • ขาดทุนสุทธิ 2Q22 อยู่ที่ 732 ล้านบาท ต่ำสุดตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือน ธ.ค. 2020 เทียบขาดทุนสุทธิ 491 ล้านบาทใน 1Q22 ผลประกอบการดังกล่าวต่ำกว่าตลาดคาด การหดตัวลง YoY เป็นผลจากกลยุทธ์การตัดราคาเชิงรุก และต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น
  • การปรับตัวลดลง QoQ มีสาเหตุจากรายได้ที่ลดลง 3% เป็น 4.3 พันล้านบาท ท่ามกลางช่วง low season บวกกับแรงกดดันจากต้นทุนขาขึ้นที่มาจากสภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และต้นทุนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกันคุณภาพบริการ และการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับปริมาณจัดส่งที่จะเพิ่มขึ้น
  • GPM ยังอยู่ในแดนลบที่ 11.7% ต่ำสุดตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ สืบเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

ปรับประมาณการกำไร

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2022 ลงเป็นขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่ลดกำไรสุทธิปี 2023 ลง 37% เป็น 502 ล้านบาท สืบเนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงกว่าคาด (เชื้อเพลิงและค่าแรง) และผลกระทบจากสงครามราคาที่ดูเหมือนจะแย่กว่าคาด ด้วยเหตุนี้จึงปรับลดสมมติฐาน GPM ปี 2022-23 ลงเป็น -0.7 และ 9.3% ตามลำดับ

Revenue breakdown

  • บุคคล-ส่งถึงบุคคล หรือ C2C (คิดเป็นสัดส่วน 53% ของรายได้รวม) บริษัทมีบริการจัดส่งพัสดุสำหรับลูกค้าทั่วไปด้วยเครือข่ายจุดบริการกว่า 15,000 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 1,200 แห่ง
  • ธุรกิจ-ส่งถึง-บุคคล หรือ B2C (คิดเป็นสัดส่วน 45% ของรายได้รวม) บริษัทเป็นคู่ค้ากับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาด รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจ Home Shopping เจ้าต่างๆ โดยบริษัทบริการจัดส่งพัสดุและผลิตภัณฑ์จากผู้ค้าถึงที่บ้านและที่ทำงานของผู้ซื้อทั่วประเทศ
  • ธุรกิจ-ส่งถึง-ธุรกิจ หรือ B2B (คิดเป็นสัดส่วน 2% ของรายได้รวม) บริษัทยังให้บริการจัดส่งพัสดุสำหรับลูกค้าองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทกฎหมาย ผู้ให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ ร้านค้าในเครือบริษัท โมเดิร์นเทรด บริษัทขายตรง และบริษัทโทรคมนาคม
- Advertisement -