บล.กรุงศรีฯ:

OSOTSPA (OSP TB/ OSP.BK)

OSP – จับตาการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง (TP Bt34.25, HOLD)
กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
หุ้นOSP
มูลค่าพื้นฐาน34.25
คำแนะนำHOLD

กำไรใน 2Q ลดลง 26% yoy เหลือ 604 ล้านบาท เนื่องจาก (1) ผลลบสุทธิจากการปรับขึ้นราคา energy drink (2) สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้น และ (3) รายได้เงินปันผลจาก Unicharm ลดลง ทั้งนี้ เรามองว่าตลาด energy drink ในประเทศจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดมากขึ้น เราจึงยังคงคำแนะนำ ถือ โดยปรับราคาเป้าหมาย DCF เป็น 34.25 บาท (จากเดิมที่ 34.50 บาท)

กำไรสุทธิใน 2Q อยู่ที่ 604 ล้านบาท (-26% yoy, -19% qoq)

กำไรใน 2Q ต่ำกว่าประมาณการของตลาด 10% และต่ำกว่าประมาณการของเรา 29% เนื่องจาก (1) สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายใน 2Q อยู่ที่ 23.0% สูงกว่าสมมติฐานของเราที่ 22.3% และ (2) รายได้เงินปันผลจาก Unicharm อยู่ที่ 20 ล้านบาท ต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 200 ล้านบาท เทียบกับรายได้จากเงินปันผลในปี 2021 อยู่ที่ 305 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ใน 2Q เพิ่มขึ้น yoy จากยอดขาย functional drink (+12.6% yoy) และของใช้ส่วนตัว (+23.5% yoy) หลังจากที่มีการเปิดประเทศ ในขณะเดียวกัน รายได้จากเครื่องดื่ม energy drink ลดลง  9.8% เพราะมีการปรับขึ้นราคาขายเครื่องดื่ม energy drink จากขวดละ 10 บาท เป็นขวดละ 12 บาท ทำให้ปริมาณขายลดลงแรง

 

ตลาดต่างประเทศยังแข็งแกร่ง

ยอดขายในตลาดต่างประเทศใน 1H เพิ่มขึ้น 12% yoy โดยเฉพาะแบรนด์ฉลามที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในเมียนมาร์ เติบโตถึง 25% yoy ในสกุลเงินท้องถิ่น และบริษัทตั้งเป้าจะการเติบโตของยอดขายในระดับสองหลักใน 2H แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในเมียนมาร์และลาวจะมีความท้าทาย

 

ตลาดเครื่องดื่ม energy drink ในประเทศต้องอาศัยช่วงเปลี่ยนผ่านที่นานขึ้น

ถึงแม้ว่าปริมาณขายใน 2Q จะลดลง แต่บริษัทยังคงยืนราคาขายเครื่องดื่ม energy drink เอาไว้ที่ขวดละ 12 บาท โดยยังคงเชื่อว่าการขึ้นราคาจะส่งผลบวกมากกว่าผลลบ อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ตอนแรกกว่าที่จะเห็นผลอย่างชัดเจน เพราะคู่แข่งไม่ได้ปรับขึ้นราคาขายตาม เราคิดว่าบริษัทอาจจะพยายามชิงส่วนแบ่งตลาดกลับมาด้วยการใช้แคมเปญทางการตลาดที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ต้นทุน SG&A to sales สูงขึ้นได้

คงคำแนะนำ ถือ ปรับราคาเป้าหมายเป็น 34.25 บาท (จากเดิมที่ 34.50 บาท)

เราปรับลดประมาณการกำไรปี FY22F ลง 6% เหลือ 3.1 พันล้านบาท หลังจากที่ใส่สมมติฐานเงินปันผลที่ลดลงจากเดิม 200 ล้านบาท เหลือเพียง 20 ล้านบาท

- Advertisement -