บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +41.4%
Close Aug 11, 2022 Price (THB) 15.20
12M Target (THB) 21.50
Previous Target (THB) 21.50
What’s new?
- บริษัทรายงานกำไรปกติ 2Q5 ที่ 484 ลบ. (+13.4%QoQ, +176.3%YoY) มากกว่าคาด 12% ด้วย GPM ที่สูงกว่าคาดอยู่ที่ 16.2% (+200bps QoQ, +600bpsYoY) จากราคาขายไก่เฉลี่ยทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปรับขึ้น
- เบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไร 3Q65 จะสูงขึ้นต่อ QoQ และทำระดับสูงสุดของปีได้ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการส่งออก ประกอบกับราคาไก่ในประเทศที่ยังปรับขึ้นต่อ QoQ อยู่ที่ ระดับ 49-52 บาท/กก.
Our view
- เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรของ GFPT และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ต่อในปี 2566 แม้แนวโน้มราคา ไก่มีโอกาสปรับลง แต่จะไม่ลงไปมากกว่าต้นทุนที่ลดลงทำให้ GPM คาดทรงตัวถึงปรับขึ้นต่อได้ และการส่งออกคาดยังดีขึ้นต่อจาก ญี่ปุ่น จีน และตะวันออกกลางซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่
- เราคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 1,670 ลบ. (+ 833.4%YoY) และคงราคาเป้าหมายที่ 21.50 บาท ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ต่ำเพียง 11.4 ยังต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยในอดีต คงคําแนะนํา “ซื้อ”
GFPT กำไรติดปีกบินสูง และยังไปต่อได้อีก
กำไรปกติ 2Q65 เติบโตต่อทั้ง QoQ และ YoY … มากกว่าคาด 12%
บริษัทรายงานกำไรสุทธิที่ 454 ลบ. แต่หักขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนสัญญาอนุพันธ์สุทธิที่ 30 ลบ. จะทำให้กำไรปกติ 2Q65 อยู่ที่ 484 ลบ. (+13.4%QoQ, +176.3%YoY) มากกว่าที่เราคาด 12% โดยรายได้หลักอยู่ที่ 4,219 ลบ. (+5.2%QoQ, +13.8%YoY) เติบโตจาก 1) รายได้ธุรกิจ Food (-1.8%QoQ, +10.8%YoY) เติบโตจากการส่งออกเป็นหลัก โดยปริมาณการส่งออกอยู่ที่ 7,500 ตัน (2.6%QoQ, +47.1%YoY) และได้อานิสงค์ของค่าเงินบาท/USDที่อ่อนค่า และ 2) รายได้ธุรกิจ Farm (+18%QoQ, +35.0%YoY) ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาไก่เป็นในประเทศที่สูงขึ้นส่วน GPM ทำได้ดีกว่าคาดอยู่ที่ 16.2% เพิ่มขึ้นจาก 1Q65 ที่ 14.2% แม้จะโดนผลกระทบของต้นทุนการเลี้ยงไก่ที่สูงขึ้น แต่ถูกชดเชยด้วยราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมอยู่ที่ 155.5 ลบ. ลดลง 19.1%QoQ จากการที่บริษัทร่วมรับรู้ผลของราคาต้นทุนไก่ที่สูงขึ้น แต่เติบโตเด่น 62.8%YoY โดยกำไร 1H65 คิดเป็นสัดส่วน 54.6% ของประมาณการทั้งปีของเรา
แนวโน้ม 3Q65 ทำระดับสูงสุดของปี
เราคาดแนวโน้มกำไร 3Q65 เบื้องต้นจะทำระดับสูงสุดของปี จากราคาไก่หน้าฟาร์มในประเทศที่ยืนแข็งอยู่ในระดับสูงที่ 49-52 บาท/กก. เทียบกับราคาขายเฉลี่ยใน 2065 ที่ 44.4 บาท/กก. (อิงสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) และราคาโครงไก่ที่ทรงตัวอยู่ระดับสูงเช่นกันที่ 26 – 27 บาท/กก. ประกอบกับเป็นช่วง High Season ของการส่งออก และมีคำสั่งซื้อบางส่วนจากยุโรปที่ถูกเลื่อนมาใน 3Q65 แทน ทำให้เราคาดปริมาณขายส่งออกเบื้องต้นเพิ่มขึ้นเป็น 8,100 -8,400 ตัน ส่วนด้านต้นทุนแม้จะชะลอตัวเล็กน้อย QoQ แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเทียบกับสถานการณ์ปกติ แต่คาดจะเห็นการเติบโตของ GPM ได้ต่อ ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดทรงตัว QoQ (GFN ดีขึ้น แต่ Mckey อาจชะลอลงจากการรับรู้ต้นทุนคงที่ของกำลังการผลิตในโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาในช่วงแรกในการเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิต)
บริษัทปรับเป้าการเติบโตของรายได้ และ GPM ปี 2565 ขึ้น
ด้วยผลประกอบการ 1H65 ที่ดีกว่าแผนของบริษัท บริษัทจึงมีการปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2565 ขึ้นเป็น 15-20%YoY จากเดิมที่ 7-8%YoY, ปรับเป้า GPM ขึ้นเป็น 14.0-15.0% จากเดิมที่ 10.0-11.0% และปรับ SG&A/Sales ลงเป็น 9.0-9.5% จากเดิมที่ 9.5-10% สะท้อนปัญหาการขนส่งทางเรือที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องและอยู่ในกรอบของประมาณการปัจจุบันของเรา ขณะที่ปี 2566 เรามองว่ากำไรจะยังสามารถเติบโตได้ต่อแม้แนวโน้มราคาไก่ในประเทศมีโอกาสปรับลง แต่เชื่อว่าจะปรับลงน้อยกว่าต้นทุนที่ลดลงทำให้ระดับ GPM มีโอกาสทรงตัวถึงสูงขึ้นได้ ส่วนการส่งออกคาดจะเติบโตจากการเปิดประเทศมากขึ้นของญี่ปุ่น, การผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในจีน และตะวันออกกลางที่เป็นตลาดใหม่และมีขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อปริมาณการส่งออกในปี 2566 และไม่รวม Upside ของกำลังการผลิตโรงเชือดไก่ที่จะเพิ่มขึ้นราว 150,000 ตัว/ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้ใน 2H66 เป็นต้นไป
ราคาอยู่ในโซนถูกบนประมาณการที่มีโอกาสปรับขึ้นได้อีก … คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เรายังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรของ GFPT และคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 1,670 ลบ. (+833.4%YoY) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 เพียง 11.4 เท่า น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14-16 เท่า มองว่าอยู่ในโซนถูก เป็นโอกาสในการเข้าลงทุน คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 21.50 บาท และยังเลือกให้เป็น Top pick ของกลุ่มฟาร์มสัตว์บก







