บล.พาย:

PTG : บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี “ยอดขายและค่าการตลาดที่สูงขึ้นช่วยหนุนกำไร 2Q22”

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 17.50 บาท กำไรสุทธิ 2Q22 พุ่งขึ้น +21% YoY และ +275% QoQ เป็น 601 ล้านบาท แตะจุดสูงรอบ 6 ไตรมาส การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่ดีขึ้น (+6% YoY) เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากวิกฤติโควิด-19 ส่วนที่โตขึ้น QoQ เป็นผลจากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ปรับดีขึ้น (+25% QoQ) จากการผ่อนปรนนโยบายควบคุมราคาดีเซล ภาพรวม 2H22 ดูดี เพราะคาดว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยหนุนการเติบโตของยอดขายขึ้น และประเมินว่าค่าการตลาดค้าปลีกจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง เลือก PTG เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน

กำไรสุทธิ 2Q22 โต 3 เท่า QoQ

• กำไรสุทธิ 2Q22 โต +21% YoY และ +275% QoQ เป็น 601 ล้านบาท แตะจุดสูงรอบ 6 ไตรมาส และนับว่าดีกว่าที่เราและตลาดคาด การเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่ดีขึ้น ส่วนที่โตขึ้น QoQ เป็นผลจากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ปรับดีขึ้น

• ค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 25% QoQ เป็น 2.1 บาท/ลิตร หลังจากที่รัฐบาลเริ่มลอยตัวราคาดีเซล (จากเพดานราคาที่ 30 บาท/ลิตร เป็น 35 บาท/ลิตร ในช่วงเดือน พ.ค.) แต่ในเชิง YoY ลดลง 5% จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นและการเข้าควบคุมราคาค้าปลีกดีเซลของภาครัฐ ปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 6% YoY และ 8% QoQ เป็น 1,367 ล้านลิตร หนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากช่วงวิกฤติโควิด-19

• รายได้ปรับเพิ่มเป็น 4.63 หมื่นล้านบาท (+39% YoY, +19% QoQ) หนุนจากราคาค้าปลีกน้ำมันและปริมาณขายที่สูงขึ้น ราคาค้าปลีกน้ำมันเฉลี่ยพุ่งแตะ 32.4 บาท/ลิตร (+30% YoY, +9% QoQ) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ก็ปรับเพิ่มเป็น 7.4% ใน 2Q22 เทียบกับ 6.6% ใน 1Q22 หนุนจากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ปรับดีขึ้น

คาดถึงภาพรวมที่ดีขึ้นใน 2H22

คาดกำไร 2H22 จะปรับดีขึ้น YoY และ HoH หนุนจากปริมาณขายที่สูงขึ้น ที่คาดว่าจะโตขึ้นต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 (ปริมาณขายโต 6% YoY ใน 2Q22) บวกกับค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่แข็งแกร่ง หลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนปรนนโยบายการควบคุมราคาดีเซล

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 17.50 บาท

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 17.50 บาท อิง 20xPE’22E หรือเทียบเคียงได้กับค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าจำเป็นของโลก ภาพรวม 2H22 ดูดีจากการเติบโตของยอดขายน้ำมัน และอัตรากำไรที่ทรงตัว ที่คาดว่าช่วยหนุนทิศทางราคาหุ้นได้

กำไรสุทธิ 2Q22 โต 21% YoY และ 275% QoQ

  • กำไรสุทธิ 2Q22 โต +21% YoY และ +275% QoQ เป็น 601 ล้านบาท แตะจุดสูงรอบ 6 ไตรมาส และนับว่าดีกว่าที่เราและตลาดคาดการเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่ดีขึ้น ส่วนที่โตขึ้น QoQ เป็นผลจากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ปรับดีขึ้น
  • ค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 25% QoQ เป็น 2.1 บาท/ลิตร หลังจากที่รัฐบาลเริ่มลอยตัวราคาดีเซล (จากเพดานราคาที่ 30 บาท/ลิตร เป็น 35 บาท/ลิตรในช่วงเดือน พ.ค.) แต่ในเชิง YoY ลดลง 5% จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นและการเข้าควบคุมราคาค้าปลีกดีเซลของภาครัฐ
  • ปริมาณขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 6% YoY และ 8% QoQ เป็น 1,367 ล้านลิตร หนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากช่วงวิกฤติโควิด-19 ขณะที่อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) โตขึ้น 9% QoQ รายได้ปรับเพิ่มเป็น 4.63 หมื่นล้านบาท (+39% YoY, +19% QoQ) หนุนจากราคาค้าปลีกน้ำมันและปริมาณขายที่สูงขึ้น ราคาค้าปลีกน้ำมันเฉลี่ยพุ่งแตะ 32.4 บาท/ลิตร (+30% YoY, +9% QoQ)
  • สำหรับรายได้จากธุรกิจอื่นนอกเหนือน้ำมัน (non-oil) (5% ของรายได้รวม) ปรับดีขึ้น 71% YoY และ 21% QoQ หนุนจากยอดขาย LPG ที่ฟื้นตัวขึ้น 81% YoY และ 14% QoQ GPM ก็ปรับเพิ่มเป็น 7.4% ใน 2Q22 เทียบกับ 6.6% ใน 1Q22 หนุนจากค่าการตลาดค้าปลีกน้ำมันที่ปรับดีขึ้น

Revenue breakdown

บริษัทประกอบธุรกิจค้าน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน PT ซึ่งแบ่งสถานีบริการน้ำมันได้เป็นสองประเภทคือ 1) บริษัทลงทุนเอง (COCO) และ 2) สถานีบริการน้ำมันที่เป็นของตัวแทนจำหน่าย (DODO)

  • ธุรกิจน้ำมันคิดเป็น 88% ของกำไรขั้นต้นของบริษัท มีการค้าส่งและค้าปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการทั้งแบบ COCO และ DODO
  • บริษัทยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกก๊าซ LPG สำหรับรถยนต์ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของเองทั้งหมด โดยส่วนนี้คิดเป็นของกำไรขั้นต้น 4%
  • ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจอื่นๆ คิดเป็น 8% ของกำไรขั้นต้น ธุรกิจกลุ่มนี้รวมถึงร้านสะดวกซื้อ Max Mart ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น พื้นที่ให้เช่า รวมถึงรายได้จากรายการพิเศษเช่นเงินอุดหนุนสำหรับการลดลงของราคาน้ำมัน
- Advertisement -