บล.บัวหลวง:
True Corporation (TRUE TB/TRUE.BK)
TRUE – ต่ำกว่าคาด; คาดขาดทุนหลักไตรมาส 3/65 ลดลง QoQ
ขาดทุนหลักมากกว่าคาด
TRUE รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 761 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 155% YoY แต่ขาดทุนลดลง 53% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 2/65 ได้แก่ กําไรจากการขายหุ้น DIF สัดส่วน 2.82% จํานวน 1.19 พันล้านบาท (ลดลงจาก 23.38% เหลือ 20.56%) กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจํานวน 75 ล้านบาท และรายการกำไรพิเศษอื่นๆ สุทธิจํานวน 222 ล้านบาท บริษัทรายงานขาดทุนหลักจํานวนมากที่ 2.25 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/65 ขาดทุนเพิ่มขึ้น 678% YoY และขาดทุนเพิ่มขึ้น 4% QoQ ขาดทุนสุทธิถือว่าออกมาแย่กว่าที่เราคาดก่อนหน้าเป็นกําไรสุทธิที่ 95 ล้านบาท ในขณะที่ขาดทุนหลักมากกว่าคาด 61% เนื่องจากต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงกว่าคาด รายได้บริการของทั้งกลุ่มเป็นไปตามที่เราคาด อัตรากำไรขั้นต้น กำไรจากการดำเนินงาน EBITDA และขาดทุนหลังหักภาษีต่ำกว่าคาด คิดเป็น 7% 45% 6% และ 49% ตามลำดับ ต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าเราคาดคิดเป็น 2% และ 10% ตามลำดับ
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
ขาดทุนหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY เนื่องจากรายได้บริการของทั้งกลุ่มที่ลดลง ต้นทุนบริการ (ต้นทุนโครงข่ายและคอนเท้นต์) และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย) ค่าใช้จ่ายจากการดำาเนินงาน (ซึ่งรวมต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) ในไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น 8% YoY (เนื่องจากต้นทุนค่าเสื่อมราคาโครงข่ายที่เพิ่มสูงขึ้น จากการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง) แต่ลดลง 2% QoQ (จากการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น) EBITDA ในไตรมาส 2/65 ลดลง 5% YoY และ 1% QoQ รายได้บริการของทั้งกลุ่มในไตรมาส 2/65 ลดลง 2.5% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 0.3% QoQ เนื่องจากการกลับมาเปิดประเทศสําหรับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งหนุนจํานวนนักท่องเที่ยวให้กลับมาเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/65 ถึงแม้ว่าจะมีภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ซบเซาไปกดดันกำลังซื้อให้ลดลงก็ตาม) การแข่งขันทยังคงรุนแรงมากขึ้นสําหรับทั้งระบบพรีเพดและระบบโพสต์เพด
รายได้บริการของทรูมูฟเอช ในไตรมาสนี้ลดลง 1.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1.3% QoQ ในขณะที่รายได้บริการของทรูวิชั่นส์ในไตรมาสนี้ลดลง 6.3% YoY และ 6.1% QoQ เนื่องจากรายได้บริการบอกรับสมาชิกที่ลดลง จํานวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหม่สุทธิในไตรมาสนี้ยังคงแข็งแกร่งโดยอยู่ที่ 7.69 แสนราย หรือเพิ่มขึ้น 144% QoQ โดยหลักมาจากจํานวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิของระบบพรีเพดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ จํานวนลูกค้า 5 จีของทรูมูฟเอชเพิ่มขึ้นอีก 8 แสนในไตรมาส 2/65 ส่งผลให้จํานวนลูกค้า 5 จีสะสมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.4 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2/65 รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสนี้ยังคงลดลง 9% YoY และ 2% QoQ มาอยู่ที่ 191 บาท เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น รายได้บริการธุรกิจบรอดแบนด์บ้านในไตรมาสนี้ลดลง 1% YoY และ QoQ ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้านรายใหม่สุทธิอยู่ที่ 9.5 หมื่นรายในไตรมาสนี้ และรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจบรอดแบนด์บ้านในไตรมาสนี้อยู่ที่ 469 บาท ลดลงแรงถึง 11% YoY และ 4% QoQ
แนวโน้ม
เราคาดขาดทุนหลักที่ 1.5 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 ขาดทุนเพิ่มขึ้น 52% YoY (เนื่องจากต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น) แต่ขาดทุนลดลง 33% QoQ (เนื่องจากรายได้บริการที่เริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศและมาตรการสำหรับ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนกิจกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งการเปิดเทอมของนักเรียน) เราคาดว่ารายได้ค่าบริการของทั้งกลุ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง QoQ สำหรับในไตรมาส 3/65
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
และเนื่องจากขาดทุนในไตรมาส 2/65 ที่มากกว่าคาด เราจึงทำการปรับประมาณการขาดทุนสุทธิสำหรับปี 2565 เพิ่มขึ้นอีก 29% (ไปเป็นขาดทุนสุทธิ 4.59 พันล้านบาท) และปรับประมาณการขาดทุนหลักเพิ่มขึ้นอีก 47% (ไปเป็นขาดทุนหลัก 6.93 พันล้านบาท) ราคาเป้าหมายของ TRUE ณ สิ้นปี 2566 ของเราปรับลดลงอีก 5% (เหลือ 6.40 บาท)
คําแนะนํา
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TRUE เนื่องจากขาดทุนหลักที่มีแนวโน้มลดลง และรายได้บริการที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เราเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับคำตัดสินของกสทช. สำหรับการรวมบริษัท TRUE และ DTAC ที่คาดว่าจะรู้ผลในช่วงต้นเดือนก.ย. 2565 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันราคาหุ้น TRUE ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ณ ระดับราคาปัจจุบัน
TRUE – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
เราเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ของ TRUE ช่วงบ่ายที่ผ่านมา และยังคงมุมมองว่ารายได้บริการของทั้งกลุ่มมีแนวโน้มค่อยๆ ทยอยฟื้นตัวใน 2H22 จากการเปิดประเทศและการใช้จ่ายที่กลับมาดีขึ้น แต่การแข่งขันที่ยังรุนแรงจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการทำตลาดและต้นทุนการโปรโมชั่นกลับมาเพิ่มขึ้น เราจึงคาดเพียงแค่ขาดทุนสุทธิและขาดทุนหลักที่ลดลงเท่านั้นในช่วง 2H22 และไม่ได้คาดหวังว่าบริษัทจะพลิกกลับไปเป็นกำไรสุทธิหรือกำไรหลักแต่อย่างใดในช่วง 2H22
Highlights:
- ผู้บริหารมองว่าเป้าที่เคยให้ก่อนหน้าสำหรับกำไรสุทธิและกำไรหลักในปี 2022 ณ ปัจจุบัน ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก และปรับลดเป้ารายได้บริการของทั้งกลุ่มลงจากเดิม “เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวกลางๆ (+4-6%)” เหลือ “เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวต้นๆ (+1-2%)” ภายใต้สมมติฐานว่าภาวะเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับดีต่อเนื่องไปยัง 2H22
- ผู้บริหารมองว่าจะเห็นผลประกอบการหลักกลับมาฟื้นตัวใน 2H22 อย่างชัดเจน และมองการแข่งขันในช่วงต้น 3Q22 ทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย QoQ ในตลาดพรีเพดโดยรวม
- ผู้บริหารมองว่ามีความเป็นไปได้ในอนาคตที่บริษัทใหม่ (MergeCo) จะไปเช่าเสาสัญญาณจาก DIF ขึ้นอยู่กับการขยายโครงข่ายของ MergeCo แต่คงต้องใช้เสาสัญญาณที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันให้เต็มคาปาซิตี้ก่อน
- สำหรับประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงราคาเสนอซื้อ (tender offer) ของทั้ง DTAC และ TRUE ผู้บริหาร TRUE ไม่ขอออกความเห็นแทนผู้บริหารของ MergeCo แต่มองว่าได้เปิดเผยไว้ในเอกสารว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ เช่น การจ่ายเงินปันผล หรือการปรับเปลี่ยนมูลค่าพาร์ อาจส่งผลกระทบต่อราคา tender offer ได้
- มุมมองของ TRUE ยังคงเหมือนเดิมคือ กสทช.ไม่มีสิทธิ์ที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติดีลควบรวมบริษัทในครั้งนี้เพราะดีลนี้ไม่ได้เข้าข่ายซื้อกิจการ แต่กสทช.มีอำนาจออกกฎเกณฑ์ควบคุมในเรื่องที่เห็นว่ากระทบในวงกว้าง เช่น อัตราค่าบริการ การแข่งขัน เป็นต้น
- ถ้าดีลซื้อกิจการ TTTBB ของ ADVANC ไม่สำเร็จ ผู้บริหาร TRUE ตอบชัดเจนว่าไม่สนใจซื้อกิจการ TTTBB แทน ADVANC
View From Fundamental:
- เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TRUE ที่ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท ณ สิ้นปี 2023 ซึ่งรวมผลประโยชน์ร่วมจากการเข้าควบรวมกิจการ (synergy) เข้าไปแล้ว โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่เรื่องการรวมบริษัท TRUE-DTAC ที่เรามองว่าจะสร้างผลบวกจาก synergy ในระยะยาว ไม่ได้เก็งกำไรบนความคาดหวังว่าบริษัทจะพลิกกลับไปเป็นกำไรในปีนี้ซึ่งยากมาก







