บล.บัวหลวง:
Chularat Hospital (CHG TB/CHG.BK)
CHG – มากกว่าเราและตลาดคาด! แต่แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2565 ยังไม่น่าตื่นเต้น
ดีกว่าที่เราและคลาดคาดมาก
CHG รายงานกําไรหลักไตรมาส 2/65 ที่ 878 ล้านบาท เติบโต 52% YoY แต่ลดลง 35% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราคาด 46% และสูงกว่าที่ตลาดคาด 7% (รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าที่เราคาด 7% และ 9.4% ตามลำดับ) CHG ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งแรกของปี 2565 ที่ 0.085 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 2.9% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 9 ก.ย.)
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
รายได้จากธุรกิจการแพทย์อยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/65 เติบโต 34% YoY (แต่ลดลง 22% QoQ) หนุนจากกลุ่มที่เกี่ยวกับโควิด (คิดเป็น 38% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาส 1/65) รายได้ของบริษัทแบ่งได้เป็น รายได้ผู้ป่วยเงินสด 45% รายได้จากสำนักงานประกันสังคม 18% และจากสปสช. 37% ซึ่งรายได้ผู้ป่วยเงินสดเติบโตอย่างก้าวกระโดด 25% YoY แต่ลดลง 15% QoQ รายได้จากสำนักงานประกันสังคมอยู่ที่ 486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 3% QoQ รายได้จากผู้ป่วยของสปสช. เติบโต 65% YoY (แต่ลดลง 36% QoQ) หนุนจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโควิด ขณะที่อัตรากําไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 47.4% ปรับตัวขึ้นจาก 43.4% ในไตรมาส 2/64 แต่ลดลงจาก 53.1% ในไตรมาส 1/65 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 7.8% ลดลง 1.8% YoY แต่เพิ่มขึ้น 2.2% QoQ สถานะเงินสดสุทธิ ณ สิ้นเดือน มี.ค. อยู่ที่ 926 ล้านบาท
แนวโน้ม
กําไรในไตรมาส 3/65 จะลดลง YoY แต่ลดลง QoQ จากการเปรียบเทียบฐานที่สูงในไตรมาส 3/64 และ 2/65 โดยรายได้ในไตรมาสนี้จะลดลง YoY (เคสผู้ป่วยในจากไวรัสโอมิครอนที่ลดลงเมื่อเทียบกับการระบาดของไวรัส เดลต้าในไตรมาส 3/64) และลดลง QoQ (รายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิดที่ลดลง QoQ และรัฐบาลได้ปรับระบบการเบิกจ่ายโรงพยาบาลเอกชนสําหรับบริการด้านโควิด) ขณะที่อัตรากําไรหลักมีแนวโน้มลดลง YoY และ QoQ (จากอัตรากำไรที่ขยายตัวในไตรมาส 3/64 และ 2/65) คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 2565 ขึ้น 16% มาอยู่ที่ 3.0 พันล้านบาท (ลดลง 28% YoY จากฐานที่สูงมากในปี 2564) เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่มากกว่าคาดไตรมาส 2/65 เราปรับสมมติฐานเพิ่มขึ้นดังนี้ – รายได้เพิ่มขึ้น 14% เป็น 10.5 พันล้านบาท (ลดลง 11% YoY) และอัตรากําไรขั้นต้น เพิ่มขึ้น 0.9% เป็น 45.1% (ลดลง 480 bps YoY) กําไรหลักครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็น 74% ของประมาณการใหม่ของเรา (แต่คิดเป็น 83% ของประมาณปัจจุบันของตลาด ซึ่งอาจมีการปรับประมาณการขึ้นอีก) สําหรับปี 2566 เราคาดกําไรหลักจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 58% YoY เนื่องจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิดลดลง คาดอัตรากำไรจะอยู่ที่ 16.9% ในปี 2566 ลดลง 12.1% YoY เราคาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะอยู่ที่ 11.0% เพิ่มขึ้น 1.8% YoY
คําแนะนํา
ราคาหุ้น CHG ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในพฤหัสบดีที่ผ่านมา เรามองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนผลประกอบการที่ดีกว่าคาด และการประกาศเงินปันผลระหว่างกาลไปเรียบร้อยแล้ว เราแนะนำให้ขายทำกำไรเนื่องจากกำไรจะลดลงในปี 2565 และ 2566 เราคงคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายเดิม ณ สิ้นปี 2565 อ้างอิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 4 บาท (บนสมมติฐาน WACC ที่ 6.9% และterminal growth ที่ 2.0%)







