KS Daily View 08.09.2022 > ตัวเลขการค้าจีน ส.ค. ชะลอ Apple เปิดตัว Iphone 14/ ตลาดหุ้นสหรัฐ Rebound SET วันนี้คาด 1630-1645 จุด หุ้นแนะนำ AMATA, BEM
ประเด็นที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ต่างประเทศ : ตัวเลขการค้าของจีนเดือน ส.ค. ออกมาชะลอ โดยยอดส่งออกของจีน อยู่ที่ 7.1%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด +11.7%YoY และยอดนำเข้าอยู่ที่ 0.3%YoY ต่ำคาด +0.7%YoY ขณะที่จีนเกินดุลการค้า อยู่ที่ US$79.3bn ต่ำคาด US$93bn KS ยังคงประเมินกลุ่มมีธุรกิจเกี่ยวในจีน ยัง Underperform และปรับตัวลงมาตั้งแต่กลางเดือน ส.ค.65 อาทิ CBG -10.9% , SCGP-7.7%, EKH -3.3% เรายังแนะนำสะสมเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะกลาง-ยาว อีกฝั่งนึงการค้าระหว่างประเทศของจีนชะลอลงเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ Brent ลงแรงต่อ -5.2%DoD หลุด 90 เหรียญ ปิดที่ 88 เหรียญ/บาร์เรล คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่ม Anti Commodity อาทิ OR, PTG ฯลฯ และเป็น Sentiment ลบต่อ กลุ่มน้ำมัน PTT, PTTEP ฯลฯ ฝั่งสหรัฐคือ หลักๆคือ ตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. อยู่ที่ -US$70.7bn ใกล้เคียงคาด(เทียบเดือนก่อนหน้าที่ -US$79.6bn) และรายงานประธาน Fed Brainard แสดงความเห็นในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อลง รวมถึงมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐยังดีต่อ ล่าสุด Fed Atlanta เผยแบบจำลอง GDPNow คาดเศรษฐกิจสหรัฐใน Q3/65 จะขยายตัว 1.4% โดยรวมทำให้ ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืน Rebound ขึ้นมา ดัชนี Dow Jones 1.4%DoD, ดัชนี S&P500 1.83%DoD, ดัชนี Nasdaq 2.14%DoD โดย Sector ที่ปรับลงแรงมีเพียง Energy -1.15% (ลงตามราคาน้ำมันดิบโลกลงแรง ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงได้แก่ Utilities +3.14%, Consumer discretionary +3.08%,Healthcare +1.67%, IT+1.6% โดย Apple เปิดตัว Iphone 14 โดยราคาหุ้น +1% ดังนี้ KS คาดว่าวันนี้ตลาดหุ้นไทยยังถูกแรงกดดันจากกลุ่มน้ำมัน แต่คาดกลุ่ม Growth มีโอกาสจะ Outperform สอดคล้องกับกลุ่ม Defensive ได้แก่ Utilities, Healthcare ฯลฯ
ในประเทศ: SET Index เมื่อวานแกว่งตัว 0.37%DoD ปิดที่ 1639.9 จุด โดยเมื่อวานนักลงทุนกลุ่มที่ขายสุทธิคือ ต่างชาติขายสุทธิต่ออีก 2.58 พันล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 209 ล้านบาท ส่วนรายย่อย และบัญชี บล. ซื้อสุทธิ 2.2 พันล้านบาท และ 592 ล้านบาทตามลำดับ โดย Sector ที่หนุนดัชนีหลักๆ คือ กลุ่มค้าปลีก อาทิ MAKRO, BJC , CPALL กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ DELTA กลุ่มรถไฟฟ้า อาทิ BEM, BTS (หนุนจากศาลปกครองสั่ง กทม.-กรุงเทพธนาคมจ่ายค่าจ้างเดินรถให้ BTS 1.17 หมื่นลบ) ส่วน Sector ที่กดดัชนีหลักๆ คือ BBL, KTB กลุ่มพลังงาน อาทิ PTTตามราคาน้ำมันที่ปรับลง
ประเด็นที่ต้องติดตาม
ต่างประเทศ : ตลาดยัง wait&see รอรายงานเงินเฟ้อสหรัฐวันที่ 13 ก.ย. และวันนี้ให้น้ำหนักการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย(Deposit Facility Rate) 50bps. เป็น 0.5%
ในประเทศ : วันนี้ติดตาม 1.)ศาลรัฐธรรมนูญเรียกประชุมนัดพิเศษ 8 ก.ย. ถกปม 8 ปีของนายกฯ ประยุทธ์ และหากไม่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม คาดจะสามารถลงมติคำวินิจฉัยได้ในอีก 15 วัน 2.) วันนี้ WHA ได้ออกหนังสือเชิญสื่อร่วมงานจัดพิธีเซ็นสัญญาซื้อ-ขายที่ดินระหว่าง WHA Group และ BYD ซึ่งมีบริษัทแม่ในจีน เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถ EV แห่งแรกของ BYD ในอาเซียน ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 จำนวน 700 ไร่ นอกจากนี้ WHA จะมีการเจรจากับนักลงทุนและผู้ประกอบการรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศอีกหลายราย ที่มีความต้องการที่ดินรวมกันกว่า 2,000-3,000 ไร่ มองเป็น sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม, ชิ้นส่วนยานยนต์, รถไฟฟ้า และแบตเตอรี่ในไทย
กลยุทธ์การลงทุน
ประเมินตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัว Sideway แนวต้านสัปดาห์ 1650 จุด โดย Theme แนะนำหลักๆ คือ
1.) กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF,BGRIM, SSP
2.) กลุ่มเปิดเมือง AMATA, BEM
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1630-1645 จุด หุ้นแนะนำ AMATA , BEM
Top pick :
AMATA (ราคาพื้นฐาน 24.0 บาท) ปัจจัยหนุน 1.) AMATA เปิดตัวนิคมฯ แห่งที่ 2 ในลาว ชื่อ AMATA Smart & Eco City Namor แขวงอุดมไซ 2.) ประเด็นการย้ายฐานการผลิตจากความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ตลอดจนการไหลเข้าของนักลงทุนจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามายังไทย ในมุมมองของเรา จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นหลักของ AMATA ในครึ่งปีหลัง 3.) การเริ่มต้นกิจกรรมการขายของนิคมฯ AMATA City Long Thanh ก็มีความสำคัญ โดย IE ใหม่ในลาวจะช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะยาวเมื่อพร้อมที่จะขายและโอนกรรมสิทธิ์
BEM (ราคาพื้นฐาน 10.2 บาท) คาดยอด Ridership ของเดือน ส.ค. ที่จะประกาศจะเห็นการฟื้นตัว MoM และต่อเนื่องถึงเดือน ก.ย. โดยสนับสนุนจากวันที้ 12 ก.ย. ศูนย์ฯสิริกิติ์” เคาะฤกษ์เปิดทางการ คาดจะมีคนเข้ามาใช้บริการ 13 ล้านคนต่อปี บวกกับ BEM ที่มีสถานีตรงศูนย์ฯสิริกิติ์
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
วันพฤหัสฯ ติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ของไทย การประชุมของ ECB คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) 50bps. เป็น 0.5% ตัวเลข Initial Jobless Claim รายสัปดาห์ของสหรัฐฯ คาด +240K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ +232K) ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของ Fed Chair Powell
วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีนเดือน ส.ค. คาด +2.8% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +2.7% YoY) ดัชนี PPI ของจีนเดือน ส.ค. คาด +3.2% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +4.2% YoY) ปริมาณ M2 ของจีนเดือน ส.ค. คาด +12.4% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +12% Yoy) และถ้อยแถลงของ Fed Waller









