บล.บัวหลวง:
Bank – สินเชื่อเติบโต 0.27% MoM ในเดือน ส.ค. (OVERWEIGHT)
ธปท.มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Repo Rate) อีก 25bps ไปเป็น 1% สําหรับการประชุมกนง.ในวันที่ 28 ก.ย. ซึ่งหลายธนาคารมีแนวโน้มที่จะเร่งเคลียร์หนี้สินก่อนที่จะปล่อยสินเชื่อใหม่ๆ ในไตรมาส 3/65 โดยเราคาดธนาคารที่เราให้คําแนะนํา (8 ธนาคาร) จะรายงานก่าไรรวมที่ 2.04 แสนล้านบาท เติบโต 14% YoY หนุนมาจากการตั้งสํารองที่ลดลง NIM ที่ขยายตัวขึ้นเล็กน้อย และการเติบโตของสินเชื่อ เรายังคงให้นํ้าหนักการลงทุนที่มากกว่าตลาด โดยชอบ BBL และ KBANK มากที่สุด
BBL KKP และ TISCO เป็นผู้นำาการเติบโตของสินเชื่อในเดือน ส.ค.
กลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำรายงานการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 0.27% MoM ในเดือน ส.ค. (เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 0.24% MoM สําหรับ 5 ปีที่ผ่านมา) และ 2.8% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หนุนมาจากการเบิกเงินกูของหลาย ธนาคารใหญ่ (โดยหลักมาจาก KBANK และ BBL) ทั้งนี้ BBL KKP และ TISCO รายงานการเติบโตของสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง MoM ที่ 4.1% 3.6% และ 3.5% ตามลำดับ ขณะที่ BAY รายงานการเติบโต 0.1% MoM ในทางตรงกันข้าม KTB KBANK และ TTB รายงานสินเชื่อที่หดตัว MoM ที่ 1.3% 0.7% และ 0.7% ตามลำดับ โดยธนาคารใหญ่ (KBANK และ BBL) จะเป็นผู้นำาการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ หนุนมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
ดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากที่ปรับตัวขึ้นต่อ
เราคาด ธปท. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Repo Rate) อีก 25bps ไปเป็น 1% ในการประชุมกนง.ในวันที่ 28 ก.ย. และไปเป็น 1.25% ในการประชุมกนง. ในวันที่ 30 พ.ย. (สังเกตว่าในการประชุมกนง.ในวันที่ 10 ส.ค. ได้ปรับขึ้น 0.5% ไปเป็น 0.75%) เพื่อสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นและสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักอยู่ที่ 3.2% ในเดือน ส.ค. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของธปท.ที่ 2% ทั้งนี้ธนาคารพาณิชมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากขึ้นตามการปรับขึ้น Repo Rate (โดยธนาคารใหญ่ ได้แก่ BBL KBANK และ SCB จะเป็นผู้นำาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้) หลายธนาคารน่าจะรีบเคลียหนี้เสียเพื่อขยายสินเชื่อใหม่ๆ ที่มีอัตราเงินกู้และเงินฝากที่สูงขึ้น ดังนั้นเราคาดธนาคารจะรายงานการตั้งสํารองที่มากขึ้น QoQ ในไตรมาส 3/65 (แต่ไม่ใช่สำหรับ BBL และ SCB เนื่องจากทั้งสองธนาคารตั้งสํารองที่เยอะไปแล้วในไตรมาส 2/65)
คาดกําไรไตรมาส 3/65 จะปรับตัวขึ้น 21% YoY แต่หดตัว 3% QoQ
เราคาด 8 ธนาคารที่เราให้คำแนะนำจะรายงานกำไรไตรมาส 3/65 รวมที่ 4.98 หมื่นล้านบาท เติบโต 21% YoY หนุนมาจากการตั้งสํารองที่ลดลง (อัตราการตั้งสํารองเฉลี่ยคาดจะลดลงจาก 161bps ของสินเชื่อในไตรมาส 3/64 มาเหลือ 128bps ในไตรมาส 3/65) การเติบโตของสินเชื่อ และ NIM ที่ขยายตัว (เราคาด NIM เฉลี่ยจะปรับตัวขึ้น 7bps YoY เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง) เราคาดสินเชื่อจะเติบโต แม้คาดจะเห็นงบการลงทุนที่สูงขึ้น (เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านไอทีและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นสําหรับการบำรุงรักษาระบบธนาคารหลัก) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง (รายได้จากธุรกิจนายหน้าที่ลดลง) KTB TTB และ KKP น่าจะรายงานกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY ในไตรมาส 3/65 ที่ 46% 35% และ 18% ตามลำดับ หนุนมาจากการตั้งสำรองที่ลดลงและสินเชื่อที่เติบโต
ในด้านของ QoQ เราคาดกำไรรวมจะปรับตัวลง 3% เนื่องจากงบการลงทุนที่สูงขึ้น และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง แต่เราคาด BBL จะรายงานกำไรที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง QoQ ที่ 15% หนุนมาจากการตั้งสํารองที่ลดลง ในทางตรงกันข้าม KKP น่าจะรายงานกำไรที่หดตัวอย่างมาก 14% หนุนมาจากการตั้งสำรองที่มากขึ้น ดังนั้นเราคาดกำไรรวมปี 2565 จะอยู่ที่ 2.04 แสนล้านบาท เติบโต 14% YoY หนุนมาจากการเติบโตของสินเชื่อ การตั้งสํารองที่ลดลง และ NIM ที่ขยายตัวเล็กน้อย








