บล.พาย:
SECTOR UPDATE: BANKING (OVERWEIGHT)
“สินเชื่อ ส.ค. โตต่อเนื่อง”
TOP PICK BBL, SCB
สินเชื่อเดือน ส.ค. โตเล็กน้อย 0.3% MoM จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นแม้เงินเฟ้อสูงขึ้น ส่วนในช่วงถัดไปแม้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ แต่คาดอุปสงค์ต่อสินเชื่อจะโตยิ่งขึ้น หนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามาและการบริโภคที่สูงขึ้น ขณะที่คาดว่ากลุ่มธนาคารไทยจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นที่จะไปยกระดับมาร์จิ้นและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารขึ้น คงมุมมอง เชิง “บวก” ต่อกลุ่มธนาคาร และเลือก BBL และ SCB เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม
สินเชื่อสุทธิโตต่อเนื่อง แต่เงินฝากลดลงในเดือน ส.ค.
- สินเชื่อสุทธิโดยรวมของธนาคารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 รายโตขึ้น 0.3% MoM (+5% YoY) เป็น 13 ล้านล้านบาท ในเดือน ส.ค. นำโดย BBL ที่โต 4.1% MoM ส่วนธนาคารอื่นที่มีสินเชื่อโตขึ้นคือ BAY, CIMBT, KKP, LHFG, และ TISCO
- สินเชื่อสุทธิโดยรวมในช่วง 8 เดือนแรกโต 2.9% YTD (ม.ค. – ส.ค.) สินเชื่อของ KKP โต 14.8% YTD จากอุปสงค์ในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย (สินเชื่อเช่าซื้อและจดจำนอง) และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่โตขึ้น
- เงินฝากโดยรวมลดลง 0.2% MoM เป็น 14.6 ล้านล้านบาทในเดือน ส.ค. ธนาคารที่มีเงินฝากลดลง ได้แก่ BAY, BBL, CIMBT, KBANK, และ TTB เงินฝากโดยรวมในช่วง 8 เดือนแรกโต 2.3% YTD ทั้งนี้ ด้วยการที่ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีเงินฝากโตต่ำกว่าสินเชื่อเล็กน้อย ทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของกลุ่มปรับเพิ่มขึ้นเป็น 89.1% ในเดือน ส.ค. เทียบกับ 88.5% ในเดือน ธ.ค. 2021
คาดที่ประชุม กนง. ครั้งถัดไปปรับดอกเบี้ยขึ้น 25-50bp
- คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 25-50bp เป็น 1.00%-1.25% ณ การประชุมวันที่ 28 ก.ย. เพื่อต่อกรกับเงินเฟ้อหลังจาก Fed ปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้น 75bp เป็น 3.00-3.25% ในวันที่ 21 ก.ย.
- คาดกลุ่มธนาคารไทยจะปรับเพิ่มดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากขึ้น เพื่อชดเชยผลกระทบจากต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ประเมินว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นมากกว่าธนาคารขนาดเล็ก เพราะปล่อยสินเชื่อ (สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบริโภค) ที่คิดดอกเบี้ยลอยตัวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีรายได้ดอกเบี้ยมากกว่าเมื่อมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยของธนาคารขนาดใหญ่จะปรับเพิ่มขึ้น แต่ด้วยอัตราการปรับเพิ่มที่ชะลอตัวลง สืบเนื่องจากเงินฝากประจำที่ครบกำหนด
เลือก BBL และ SCB เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม
- คงมุมมองเชิง “บวก” ต่อกลุ่มธนาคารเพราะ 1) กำไรสุทธิที่โตอย่างมั่นคงระดับ 17% YoY ในปี 2022 2) งบดุลที่ยืดหยุ่นดี ด้วยอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ระดับสูง และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งพอรับมือกับความไม่แน่นอน และ 3) มูลค่าหุ้นไม่แพง ด้วยการซื้อขายกันที่ 0.7x PBV’22E หรือ -1.0SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี
- ชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่มากกว่าเพราะมีสินเชื่อหลากหลาย ทั้งยังมีโอกาสได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มดอกเบี้ยที่จะไปกระตุ้นอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ขึ้น และมีมูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูดกว่า เลือก BBL (“ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 159.00 บาท) และ SCB (“ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 139.00 บาท) เป็นหุ้นเด่น เพราะมีงบดุลยืดหยุ่นดี กำไรสุทธิฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีมูลค่าหุ้นน่าดึงดูด
คาดกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มดอกเบี้ย
- คาด กนง. ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25%-0.50% เป็น 1.00%-1.25% ณ การประชุมวันที่ 28 ก.ย. เพื่อต่อกรกับเงินเฟ้อ และคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในการประชุมเดือน พ.ย.
- การวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากการปรับเพิ่มดอกเบี้ยของเรายิงงบการเงินไตรมาส 2/22 ด้วยสมมติฐาน 2 กรณีต่อไปนี้ (i) กรณีที่ 1: มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร สินเชื่อ และเงินฝากระยะยาวขึ้น 25bps (ii) กรณีที่ 2: มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร สินเชื่อ และเงินฝากออมทรัพย์และระยะยาวขึ้น 25bps
- ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าสำหรับกรณีแรก NIM เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 4bps ในปี 2022 กำไรสุทธิโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 1.9% จากฐานประมาณการที่ 1.738 แสนล้านบาทในปี 2022 และคาดว่า BBL จะได้ประโยชน์มากที่สุดด้วยโอกาสที่กำไรสุทธิจะโตขึ้นราว 2.7% ส่วน TISCO อาจมีกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 0.3%
- ภายใต้กรณีที่ 2 คาด NIM เฉลี่ยจะลดลง 1bps ด้วยกำไรสุทธิโดยรวมที่ลดลง 0.2% และคาดว่าทุกธนาคารจะมีกำไรสุทธิลดลง ขณะที่ประเมินว่า KTB จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยกำไรสุทธิที่ลดลง 1.4%
- โดยสรุปแล้ว การปรับเพิ่มดอกเบี้ยอาจกระทบประมาณการกำไรสุทธิปี 2022 ของเราสำหรับธนาคาร 7 แห่งที่วิเคราะห์อยู่ในระดับ 0.5% +1.9% ทั้งนี้ สินเชื่อธุรกิจ (SME และขนาดใหญ่) และสินเชื่อจดจำนองมีความอ่อนไหวต่อการปรับเพิ่มดอกเบี้ยมากกว่าเมื่อเทียบกับสินเชื่อเช่าซื้อ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ เมื่ออิงจากสมมติฐานข้างต้น คาดว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดังกล่าว เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ส่วนธนาคารขนาดเล็กคาดว่าจะได้ประโยชน์น้อยกว่า เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่คือเช่าซื้อที่มีดอกเบี้ยคงที่ ทั้งนี้ ผลกระทบแท้จริงอาจต่างไปกับประมาณการเพราะกลยุทธ์ในการปรับเพิ่มดอกเบี้ย ระยะเวลาของสินเชื่อในพอร์ต และอายุเงินฝากประจำของแต่ละธนาคารที่ต่างกันไป








