บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +13.3%
Close Nov 9, 2022 Price (THB) 45.00
12M Target (THB) 51.00
Previous Target (THB) 51.00
What’s new?
- เรามีมุมมองเป็นลบ หลังการประชุมผู้บริหารปรับลด Guidance เป้าหมายรายได้ในปี 2566 ลงจากเติบโต 20% YoY เป็น 5%-10% YoY และการเลื่อนการขึ้นโรงงานใหม่ในนิคมโรจนะอีกครั้ง ทั้งสองประเด็นดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่า KCE กังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใส ซึ่งจะกระทบต่อยอดขายในปีหน้า
Our view
- เราคงคาดการณ์กำไรปกติปี 2565 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+5.7% YoY) และปี 2566 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+0.3% YoY)
- คงคําแนะนํา “TRADING” อิงราคาเหมาะสมที่ 51.00 บาทต่อหุ้น จากการประชุมมีแนวโน้มที่ตลาดต้องปรับลดประมาณการปี 2566 อีกระยะ ช่วงเวลากลับเข้าสะสมอีกคงอาจต้องรอช่วง 1H66 เป็นอย่างเร็ว
KCE ELECTRONICS มุมมองเป็นลบหลังการประชุมกับผู้บริหาร
ผู้บริหารให้ Guidance ถึงแนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 และปี 2566 ดังนี้
1) ยอดขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ใน 3Q65 ที่ 127.8 ล้านเหรียญ (-6.2% QoQ, +10.7% YoY) ต่ำกว่า Guidance ก่อนหน้า เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และสินค้าบางส่วนมีปัญหาด้านการขนส่ง
2) GPM ใน 3Q65 ที่ทำได้ 24.3% (+148bps QoQ, -288bps YoY) การฟื้นตัวถือว่ายังจำกัด เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบยังค่อยๆ ลดลง ผลบวกจากต้นทุนที่ลดลงจะเห็นมากขึ้นใน 4Q65
3) Guidance ยอดขายใน 4Q65 ทรงตัว QoQ ขณะที่ในแง่ของ GPM บริษัทฯ คาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป Guide GPM ใน 4Q65 ที่ระดับ 25% ทำให้ภาพรวมทั้งปีคาดทำได้ที่ระดับ 24%
4) ภาพปี 2566 บริษัทฯ คาดราคาขายเฉลี่ยจะต้องกลับมาปรับลดลงราว 1%-2% ตามปกติ หลังราคาต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นแล้ว และไม่ได้เป็นภาพของการปรับเพิ่มขึ้นเหมือนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
5) เป้าหมายสำหรับปี 2566 บริษัทฯ ปรับลดเป้าหมายการเติบโตจาก 20% YoY เป็น 5%-10% และคาด GPM ที่ระดับ 26%-27% ดีขึ้น YoY เทียบกับราว 24% ในปี 2565 แต่ยังดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน (เป้าหมาย GPM อิงค่าเงินบาท/USD ที่ระดับ 37.00-38.00)
แผนการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในนิคมโรจนะ…รอขึ้นกำลังการผลิต 2H67
การเลื่อนการขึ้นการผลิตของโรงงานใหม่ที่โรจนะเป็น 2H67 เนื่องจากผู้บริหารมองว่าการเติบโตในปี 2566 ไม่ได้สดใสมากนัก คาดหวังการเติบโตที่ระดับ 5%-10% ในแง่ของรายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่บริหารจัดการได้ โดยที่ยังไม่ต้องรอการขึ้นโรงงานใหม่ ขณะที่ความเสี่ยงจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคยังสูง การตัดสินใจเลื่อนการลงทุนเป็นสิ่งที่ผู้บริหารมองว่าเหมาะสมมากกว่า
สำหรับงบลงทุน 8 พันล้านบาทสำหรับโรงงานใหม่ บริษัทฯ จะใช้สัดส่วนของเงินกู้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ในอัตรา 2.7 ต่อ 1 หรือใช้เงินกู้ราว 5.8 พันล้านบาท ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายของ KCE เพิ่มขึ้นในระยะสั้น แต่อยู่ในประมาณการของเราแล้ว
Guidance CAPEX ปี 2566 ที่ราว 2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ในการก่อสร้างอาคาร ขณะที่การสั่งซื้อ เครื่องจักรและอุปกรณ์จะเริ่มดำเนินการในช่วงปี 2567 ซึ่งการก่อสร้างโรงงานเพิ่มในนิคมโรจนะ มีทั้งหมด 3 เฟส เพิ่มกำลังการผลิตได้รวม 3 ล้านตารางฟุต/เดือน (เฟสละ 1 ล้านตารางฟุตเดือน) แต่จะค่อยๆ ลงทุน และขยายกำลังการผลิตทีละเฟส (งบ 8 พันล้านบาทสำหรับการลงทุนเฟสที่ 1)
คงคำแนะนำ “TRADING” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 51.00 บาทต่อหุ้น
เราคงคาดการณ์กำไรปกติปี 2565 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+5.7% YoY) และปี 2566 ที่ 2.4 พันล้านบาท (+0.3% YoY และคงคำแนะนำ “TRADING” ซึ่งราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 51.00 บาทต่อหุ้น อิง PER 25x (-0.25SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
เชิงกลยุทธ์ ประมาณการปี 2566 ของเราต่ำกว่า Consensus ราว 13% เรามองว่าตลาดยังต้องปรับลดประมาณการอีกระยะ หลังบริษัทฯ เลื่อนการขึ้นโรงงานใหม่ออกไป 1 ปี และปรับลดเป้ายอดขาย รวมถึงเงินลงทุนที่สูงเกิดภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกว่าตลาดคาดตอนแรก อย่างไรก็ดี ระดับราคา +/-40.00 บาทต่อหุ้น เรามองว่าไม่แพงแล้วและน่าสนใจสะสม เนื่องจากซื้อ ขายบน PER ใกล้เคียง -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี
ความเสี่ยงสำคัญ: ค่าเงินบาท/USD, ราคาทองแดงผันผวน และการเกิดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั่วโลก








