บล.ทรีนีตี้:
เมืองไทย แคปปิตอล – MTC
เดินหน้าขยาย Market Share แต่ยังต้องจับตาดูคุณภาพหนี้
- ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 47 บาท (อิงวิธี Gordon Growth Model) ด้วย PBV ที่ 3.1 เท่า โดย MTC รายงานกำไร 3Q22 ที่ 1,205 ล้านบาท +0.4% YoY, -12.7% QoQ
- ผู้บริหารมองว่า NPL ในไตรมาส 3 และแนวโน้ม NPL ในอนาคตยังสามารถบริหารจัดการได้ โดยมองว่า NPL ที่สูงขึ้น โตตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ นอกจากนี้ผู้บริหารมองว่า coverage ratio ที่ 100% เพียงพอและไม่จำเป็นต้องตั้งสํารองเพิ่ม
- ผู้บริหารตั้งเป้าขยายพอร์ตสินเชื่อในปี 2566 ที่ 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 20% YoY ตั้งเป้าขยายสาขาจาก 6,547 สาขา ณ 9M65 เป็น 6,700 สาขา และเลือกที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อมากกว่าเลือกที่จะควบคุมคุณภาพหนี้
Highlight การประชุมนักวิเคราะห์
- พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 114,586 ล้านบาท +34.9%YoY, +6.1% QoQ แบ่งเป็นสินเชื่อต่อสาขาที่ 17.5 ล้านบาท (ปัจจุบันที่สาขาทั้งสิ้น 6,547 สาขา)
- สัดส่วนของพอร์ต
- P-Loan 11%
- Nano 5%
- Motorcycle 31%
- Cars 32%
- Argricultural Vehicles 3%
- Land 11%
- Hire Purchase 5%
- Pay Later 2%
มุมมองผู้บริหาร
- บริษัทฯ สามารถเลือกที่จะ maintain การขยายพอร์ตสินเชื่อ และเน้นลูกหนี้คุณภาพดีได้ แต่จะเสียเปรียบคู่แข่งที่เน้นการขยายพอร์ตในระยายาว การขยายพอร์ตจึงเป็นเป้าหมายหลักของบริษัทฯ (เป้าขยายพอร์ตสินเชื่อปี 66 อยู่ที่ 20%) โดยปกติ 80% ของลูกค้า MTC กว่า 3 ล้านราย 5 ล้านกว่าสัญญา เลือกที่จะอยู่กับบริษัทฯ ต่อ โดยบริษัทฯ สามารถใช้จุดแข็งนี้ในการ cross-selling product ในอนาคตต่อไป
- NPL ปรับตัวขึ้นเยอะจากธุรกิจเช่าซื้อและลูกค้าใหม่ โดยผู้บริหารมองว่าแนวโน้ม NPL จะสูงขึ้นจนถึงช่วงไตรมาส 3 ปี 56 เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้บริหารได้ตั้งเป้า NPL ปีหน้าไว้ไม่เกิน 3% ซึ่งหมายความว่า credit cost ในปีหน้าก็อาจจะแตะ 3% ด้วยเช่นกัน
- ผู้บริหารไม่กังวลเรื่องคู่แข่งรายใหม่ เนื่องจากบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี และตั้งเป้าที่จะขยาย market share เป็น 50%
มุมมองนักวิเคราะห์
เรามีมุมมองเชิงลบกับแผนการบริหารหนี้เสียของบริษัทฯ อยู่เล็กน้อย และมองว่าการที่บริษัทฯ เน้นการขยายพอร์ตสินเชื่อมากกว่าการควบคุมคุณภาพของสินเชื่อ ทำให้บริษัทฯ เปิดรับความเสี่ยงมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทฯ สามารถทำตามแผนได้ เรามองว่าบริษัทฯ จะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อีกครั้ง
ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากหน้ีเสีย เพดานสินเชื่อ cost of fund ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการที่ธนาคารพานิชย์โดดลงมาทําสินเช่ือ








