บล.ทรีนีตี้:
บางกอก เชน ฮอสปิทอล– BCH
รายงานขาดทุนสุทธิที่ 403 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานปกติยังมีกำไร
- รายงานขาดทุนสุทธิ 3Q65 ที่ 403 ล้านบาท จากการบันทึกขาดทุน จากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ และเงินจ่ายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน Moderna จำนวน 1.6 พันล้านบาท แต่หากนับเพียงผลการดำเนินงานปกติ จะมีกำไรสุทธิที่ 499 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 56.4% QoQ และ 82% YoY
- รายงานรายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลที่ 3.45 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 38% QoQ และ 57% YoY
- คาด 4Q65 พลิกกลับเป็นกำไร แต่ปรับตัวลดลง YoY จากฐานที่สูงในช่วง COVID 19 ระบาด แต่คาดรายได้จากกลุ่ม Non-COVID และคนไข้ต่างชาติจะฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง
- ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 23.60 บาท
3Q65 Earnings Review
- รายงานขาดทุนสุทธิ 3Q65 ที่ 403 ล้านบาท จากกำไรสุทธิที่ 1.14 พันล้านบาท ใน 2Q65 และจากกำไรสุทธิ 2.9 พันล้านบาทใน 3Q64 โดยการขาดทุนใน 3Q65 มาจากการบันทึกขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือและเงินจ่ายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน Moderna จำนวน 1.6 พันล้านบาท แต่หากนับเพียงการดำเนินงานปกติ จะมีกำไรสุทธิที่ 499 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 56.4% QoQ และ 82% YoY
- Core EBITDA Margin อยู่ที่ 36.5% จากระดับ 51.9% ใน 3Q64 โดยที่ EBITDA Margin ปรับตัวลดลงจากอัตราการเบิกจ่ายที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ลดลง
- รายงานรายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลที่ 3.45 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 38% QoQ และ 57% YoY
- รายได้กลุ่ม OPD ใน 3Q65 ปรับตัวลดลง 9.8% YoY และ IPD ปรับตัวลดลง 85.5% YoY แต่กลุ่มประกันสังคมมีการปรับตัวสูงขึ้น 61% YoY และมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 35% จาก 9.4% ในช่วง 3Q64 จากการที่กลุ่มคนไข้ COVID-19 ย้ายมาเบิกตรงกับสำนักประกันสังคม
- จำนวนผู้ประกันตนปัจจุบันอยู่ที่ 9.94 แสนราย เติบโต 11.2% YoY
ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565-2566 ลง
- ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2565-2566 ลง 11.6% และ 5.9% เป็น 4.24 พันล้านบาท และ 2.03 พันล้านบาท ตามลำดับ หลังจากที่ BCH มีการบันทึกขาดทุนจากวัคซีน Moderna
- คาด 4Q65 มีผลประกอบการอ่อนตัวลง YoY จากฐานที่สูงของการระบาด COVID-19 แต่จะสามารถพลิกกลับเป็นกำไรได้ พร้อมกับการฟื้นตัวของกลุ่ม Non-COVID ของคนไข้ไทยและต่างชาติที่ยังคงมี Pent Up Demand
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 23.60 บาท
- ยังคงแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 23.60 บาท โดยรายได้กลุ่ม Non-COVID คาดกลับมาสู่สภาวะปกติ และคนไข้ต่างชาติเริ่มกลับมารับบริการเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จะกลับสู่ระดับ Pre-COVID อย่างไรก็ดี การควบคุมค่าใช้จ่ายและการเพิ่มศูนย์การแพทย์ ส่งผลให้รายได้และกำไรจะมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ปัจจัยเสี่ยง
- การปรับนโยบายการเบิกค่ารักษาพยาบาลของกลุ่มประกันสังคมในอนาคต เนื่องจาก BCH มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนี้สูงถึง 35% ของรายได้รวมในสถานการณ์ปกติ
- ปัจจัยทางสภาพอากาศที่ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยผันแปรไปตามฤดูกาล
- การระบาดของโรคต่างๆ ตามแต่ละปี ที่มีระยะเวลาและอัตราค่ารักษาที่แตกต่างกัน
- การแข่งขันด้านราคาและบริการของโรงพยาบาลใกล้เคียง
- การปรับอัตราการเบิกจ่ายของกลุ่ม COVID-19








