บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Airports of Thailand (AOT.BK/AOT TB)*
ผลประกอบการ 4Q65: ขาดทุนลดลง
Event
ผลประกอบการ 4Q65 (กรกฎาคม-กันยายน 2565)
Impact
ขาดทุนลดลงใน 4Q65 ทั้ง YoY และ QoQ ตามคาด
ในภาพรวมผลการดำเนินงานของ AOT แสดงสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมีผลขาดทุนลดลงเรื่อยๆ มาหลายไตรมาสแล้ว ตามแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นของประเทศไทย สำหรับใน 4Q65 บริษัทขาดทุนสุทธิ 1.33 พันล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 5.16 พันล้านบาทใน 4Q64 และ 2.21 พันล้านบาทใน 3Q65 โดยรายได้อยู่ที่ 6.55 พันล้านบาท (+347.0% YoY, +40.4% QoQ) ในขณะที่ EBIT margin อยู่ที่ -7.4% ดีขึ้นจาก -380.9% ใน 4Q64 และ -48.0% ใน 3Q65 เราคิดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ AOT ดูดีขึ้น เนื่องจากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศ โดยสรุปแล้ว เราคิดว่าผลการดำเนินงานแสดงถึงพัฒนาการทางด้านบวกตามความคาดหมาย นอกจากนี้ เรายังคงว่าผล ประกอบการน่าจะดีขึ้นต่อเนื่องในปี FY66F ด้วย หลังจากที่จากผลประกอบการดีขึ้นในปี FY65 โดย AOT มีผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 1.11 หมื่นล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 1.63 หมื่นล้านบาทในปี FY64 โดยรายได้ในปี FY65 มาจากธุรกิจที่เกี่ยวกับการบิน 44% และธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน 56% จากในปี FY64 ที่รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินคิดเป็นสัดส่วน 33% และธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน 67%
คาดว่าผลประกอบการจะเป็นบวกในปี FY66F
เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มผลการดำเนินงานของ AOT ตั้งแต่ปี FY66 (ตุลาคม 2565-กันยายน 2566) เป็นต้นไป โดยมีแรงหนุนจากการที่ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนผลประกอบการของบริษัทในอีกสองสามปีข้างหน้า โดยเราคาดว่าการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจะมาจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวประเทศไทย และมีการเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากผ่านพ้นช่วงที่ COVID-19 ระบาดรุนแรงไปแล้ว ดังนั้น เราจึงมองว่า AOT จะเป็นหุ้นหลักที่ได้อานิสงส์จากการที่ธุรกิจของ AOT ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการบิน และไม่เกี่ยวกับการบิน ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานโดยรวมในปี FY66F จะยังไม่กลับไปเท่าระดับก่อน COVID ระบาด สำหรับในระยะต่อจากนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิน่าจะเริ่มสูงกว่าระดับก่อน COVID ระบาดได้ในปี FY67F
คงประมาณการกำไรปี FY66-67F เอาไว้เท่าเดิม
เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี FY66F จะอยู่ที่ 1.27 หมื่นล้านบาท (ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY) และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง YoY ในอีกสองสามปีข้างหน้า หลังจากที่ผ่านช่วงที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุด ซึ่งทำให้มีผลขาดทุนสุทธิในปี FY6-65 ไปแล้ว
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยคงราคาเป้าหมาย DCF ปี FY66F ที่ 81 บาท (WACC 9% และ TG 3%)
Risks
COVID-19 กลับมาระบาดอีกระลอก, เศรษฐกิจถดถอย และความไม่สงบทางการเมืองของไทย







