Our View? “เขียวงามขจี”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,620 / 1,613 และแนวต้านที่บริเวณ 1,630 / 1,635 คาดตลาดอาจได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลากต่างประเทศ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เดือน พ.ย. มีการส่งสัญญาณว่า FED จะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะยังไม่ลดลงอย่างมีนัยสําคัญ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้าที่คาด FED จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน ธ.ค. นี้ โดยคาดจะขึ้นที่ระดับ 0.50% สู่ระดับ 4.25–4.50% และจะขึ้นอีก 2 ครั้งในปี’66 อีกที่ระดับ 0.50% และ 0.25% ตามลำดับสู่ระดับ 5.00-5.25% สะท้อนอัตราดอกเบี้ยสหรัฐเริ่มเข้าใกล้จุดสูงสุดในรอบนี้แล้ว อีกทั้งเรามองยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงได้ต่อ โดยล่าสุด Dollar Index อ่อนตัวลงอยู่ที่ระดับ 106.1 +/- คาดจะกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้ตลาดรับความเสี่ยงได้มากขึ้น (Risk-on) เป็นปีด้วยหนุนทิศทางตลาดปรับตัวขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. อ่อนตัวลงอีกครั้ง ปิดที่ระดับ 17.94 ดอลลาร์/บาร์เรล -3.00 ดอลลาร์ (-3.72%) ได้รับแรงกดดันจากรายงานกลุ่ม G7 เตรียมกำหนดราคานํ้ามันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งส่งผลให้บริษัทต่างๆ ใน G7 และ EU จะไม่สามารถให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งคาร์โกน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานที่ G7 และพันธมิตรกำหนดไว้ อีกทั้งเมื่อคืนนี้ EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซิลรายสัปดาห์ของสหรัฐออกมา 3.06 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาด ขณะที่เราคาดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีน คาดยังเป็นปัจจัยลดทอนอุปสงค์น้ำมันของโลกได้อยู่ คาดจะเป็นปัจจัยกดดัน-จํากัด Upside ของราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่

สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่สภาพัฒน์ฯ รายงานตัวเลข GDP 3Q65 ออกมา +4.5% YoY เท่ากับที่ตลาดคาด แต่ +1.2% QoQ มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ +0.8% QoQ จากการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจไทยโดยเครื่องชี้วัดปรับตัวดีขึ้นเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก บริการที่ปรับตัวดีขึ้น คาดจะส่งผลให้ทั้งปี’ 65 GDP ของไทยจะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าที่ระดับ +3.2% ขณะที่ คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ระดับ 10.2 ล้านคน และเพิ่มคาดการณ์นักท่องเที่ยวในปีหน้าสู่ระดับ 23.5 ล้านคน คาดเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย อีกทั้งเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่กองทุนการเงินระหว่าง ประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี’66 จะสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 3.7% ใกล้เคียงกับที่ ธปท. คาด และถือ เป็น 1 ใน 2 ประเทศในเอเชียที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้และยังสามารถเติบโตได้ต่อในปีหน้า สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้าที่คาดเศรษฐกิจไทยในช่วงปีหน้าคาดจะฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว-บริโภคในประเทศต่อเนื่อง

ขณะที่ในสัปดาห์หน้าแนะน่าติดตามการประชุม ครม. คาดอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ปรับตัวขึ้นได้ต่อ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q’65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ อีกทั้งเราคาดหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

ธีมมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “PTG”

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 14.50 / 14.20 Target 15.40 / 16.40 Stop <13.80

- Advertisement -