บล.บัวหลวง:

Muangthai Capital (MTC TB /MTC.BK)

MTC – การแข่งขันและแรงกดดันด้านต้นทุนรออยู่ข้างหน้า

MTC กําลังสร้างพอร์ตสินเชื่อผ่านการขยายสาขา ซึ่งคู่แข่งกำลังยกระดับเทคโนโลยี และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ดังนั้นเราคาดการเติบโตของกําไรระยะยาวของ MTC จะเติบโตช้าลงในอนาคต

กลยุทธ์ต่อไปของ MTC คืออะไร?

จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร เราคาดพอร์ตสินเชื่อของ MTC จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ซึ่งเป้าหมายอยู่ในช่วง 30-35% ในปี 2565 และ 20% ในปีหน้า) หนุนโดยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศไทย (โดยบริษัทวางแผนที่จะขยายสาขา 700 แห่งในปี 2565 และ 700 แห่งในปี 2566) ซึ่งบริษัทมีลูกค้า 3 ล้านราย ณ สิ้นเดือนก.ย. 2565 เพิ่มขึ้นจาก 2.6 ล้านราย ณ สิ้นปี 2561 MTC คาดว่าจะชนะการแข่งขันธุรกิจด้วยสินเชื่อจํานําทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ (อัตราดอกเบี้ย 16%) ซึ่งแข่งขันกับ Fast Money Co Ltd (บริษัทร่วมทุนระหว่าง SAWAD และธนาคารออมสิน)

กลยุทธ์ของคู่แข่ง MTC คืออะไร?

คู่แข่งกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารกำลังสร้างธุรกิจด้วย fintech ซึ่งได้แก่ การเบิกสินเชื่อผ่านบัตรเอทีเอ็มและแพลตฟอร์มการขอสินเชื่อในรูปแบบออนไลน์ และนําเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อสําหรับผู้บริโภค และนายหน้าประกันภัย บริษัทที่ประสบความสำเร็จในการนําเทคโนโลยีมาใช้จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ เนื่องจากบริษัทจะสามารถมอบมูลค่าที่มากขึ้นแก่ลูกค้า (โปรแกรมแลกคะแนน การถอนเงินสดทั่วประเทศ ฯลฯ) ซึ่งจะหนุนบริษัทให้ประสบความสําเร็จในการเสนอสินเชื่อจํานําทะเบียนจักรยานยนต์ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าผู้ให้สินเชื่อรายอื่นที่ยึดติดกับรูปแบบธุรกิจทั่วไปเล็กน้อย

นอกจากนี้ คู่แข่งรายใหม่ได้เข้าสู่ตลาดสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร ซึ่งบางรายมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่าผู้ให้สินเชื่อรายอื่น และเพดานอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) สําหรับสินเชื่อจํานําทะเบียนรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ 23% โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2566 การแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์นั้นรุนแรงเช่นกัน เราคาดว่าลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้บริการผู้ให้สินเชื่อที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ดังนั้น หาก MTC ต้องการรักษาการเติบโตของธุรกิจไว้ บริษัทอาจต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้คงอยู่ในระดับต่ำ (อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปัจจุบันของ MTC ต่ำกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ 24%) ซึ่งจะเสี่ยงต่อการกดดัน NIM และความสามารถในการทำกำไรให้ปรับตัวลดลง (เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสํารองที่อยู่ในระดับสูง)

ประมาณการกำไรไตรมาส 4/65 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

ประมาณการกำไรสุทธิของเราอยู่ที่ 1.28 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY (จากที่ฐานต่ำในไตรมาส 4/64) และ 7% QoQ (การเติบโตของสินเชื่อ) เราคาด MTC จะกําหนดการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้ ประมาณการกำไรของเราปรับลดลง 2.3% ในปี 2565 มาอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.1% YoY) อิงจากสมมติฐานอัตราการตั้งสํารองของเราที่เพิ่มขึ้นจาก 2.1% ไปเป็น 2.2% จากคาดการณ์ว่าจะมีการเสื่อมคุณภาพ สินทรัพย์บางส่วน และ 5% ในปี 2566 มาอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13% YoY) เนื่องจากสมมติฐานอัตราการตั้งสำรองฯที่สูงขึ้น ดังนั้นเราจึงปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ลงจาก 43 บาท มาอยู่ที่ 40 บาท โดยอ้างอิงจาก PBV ที่ 2.5 เท่า (long-term growth ที่ 5.6% และ Ke ที่ 11%)

- Advertisement -