บล.บัวหลวง:
Agro & Food – ถั่วเหลือง: ผลผลิตของบราซิลและของโลกมีแนวโน้มทำสถิติใหม่สูงสุดในปี 2565/66 (NEUTRAL)
เรามองว่ารายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ถือว่า เป็นลบเล็กน้อยเนื่องจากสต็อกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ และของโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น บวกกับผลผลิตของประเทศบราซิลและของโลกที่มีแนวโน้มทำสถิติใหม่สูงสุดในปี 2565/66 และเนื่องจากโอกาสของการเกิดปรากฏการณ์ลานีญ่าที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เราจึงมองว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มถั่วเหลืองจะดูไม่น่าสนใจ สําหรับในปี 2566 เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” หุ้น TVO เพื่อรอรับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับที่ดี
การเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองของสหรัฐฯ สําหรับปี 2565/66 คืบหน้าเร็วกว่าปีก่อนหน้า
อ้างอิงจากรายงาน “ความคืบหน้าของการเพาะปลูก” ของกระทรวงเกษตร สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 (ซึ่งเป็นรายงานความคืบหน้าครั้งสุดท้ายของการเพาะปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในรอบที่ผ่านมา) โดยพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ได้เก็บเกี่ยวไปแล้ว 96% หรือสูงกว่า 5% ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังซึ่งอยู่ที่ 91% ถึงแม้ว่า การเก็บเกี่ยวได้เริ่มต้นช้า แต่สภาพอากาศที่ดีได้หนุนให้การเก็บเกี่ยวในปีนี้ คืบหน้าไปด้วยดี ภาวะอากาศที่แห้งมากขึ้นบวกกับฝนที่ตกน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยในช่วงต้นถึงกลางเดือนพ.ย. สําหรับพื้นที่ส่วนใหญ่ของแถบมิดเวสต์ ได้ส่งผลให้การเก็บเกี่ยวเป็นไปอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนพ.ย. และถึงแม้ว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้ง บวกกับหิมะที่ปกคลุมจะเป็นอุปสรรคต่อการเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองในช่วงสุดท้ายในแถบมิดเวสต์ในช่วงวันที่ 13-19 พ.ย. เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญ่าที่แตะระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักต่อการเก็บเกี่ยวของสหรัฐฯ ที่ใกล้จะเสร็จสิ้นในเร็ววันนี้ โดยภาพรวมเรามองว่าสภาพของการเพาะปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในรอบนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีใช้ได้
รายงานกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เดือนพ.ย. เป็นลบเล็กน้อยจากสต็อกโลกที่เพิ่มขึ้น
ในรายงาน “ประมาณการอุปทานและอุปสงค์ของสินค้าเกษตรโลก” เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ปรับผลผลิตต่อพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในปี 2565/66 เพิ่มขึ้นจาก 49.8 บูเชล/เอเคอร์ ไปเป็น 50.2 บูเชล/เอเคอร์ เพื่อสะท้อนผลผลิตต่อพื้นที่ปลูกที่เพิ่มขึ้นในรัฐไอโอวา รัฐมิสซูรี รัฐเนบราสก้า และรัฐนอร์ทดาโกต้า ซึ่งหนุนให้ผลผลิตถั่วเหลืองรวมของสหรัฐฯ ในปี 2565/66 เพิ่มขึ้นอีก 33 ล้านบูเซล MoM (ไปเป็น 4.35 พันล้านบูเชล) และสต็อกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในปี 2565/66 เพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านบูเซล MoM (หรือเพิ่มขึ้นอีก 10% ไปเป็น 220 ล้านบูเซล) นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ยังคงประมาณการผลผลิตถั่วเหลืองของประเทศบราซิลสําหรับปี 2565/66 ไว้ที่ 152 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา แต่ปรับผลผลิตถั่วเหลืองของประเทศอาร์เจนติน่าปี 2565/66 ลดลงอีก 1.5 ล้านตัน (หรือลดลง 3% เหลือ 49.5 ล้านต้น) เพื่อสะท้อนพื้นที่เก็บเกี่ยวที่ลดลง สต็อกถั่วเหลืองของประเทศบราซิลถูกปรับลดลง 0.2% MoM (เหลือ 31.24 ล้านตัน) ในขณะที่สต๊อกของประเทศอาร์เจนติน่าถูกปรับลดลง 0.8% MoM (เหลือ 24 ล้านต้น) กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ปรับสต๊อกถั่วเหลืองโลกเพิ่มขึ้นอีก 1.7 ล้านตัน (หรือเพิ่มขึ้นอีก 1.6% ไปเป็น 102.2 ล้านตัน) เพื่อสะท้อนสต๊อกถั่วเหลืองของประเทศสหรัฐฯ และของประเทศจีนที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เรามองว่ารายงานของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ในเดือนพ.ย. ถือว่าเป็นลบเล็กน้อยเนื่องจากสต๊อกถั่วเหลืองสหรัฐฯ และของโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น และเนื่องจากผลผลิตของโลกและของประเทศบราซิลในปี 2565/66 ที่ได้ทำสถิติใหม่สูงสุด บวกกับโอกาสการเกิดลานีญ่าที่ลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เราจึงมองว่าราคาถั่วเหลืองโลกมีแนวโน้มเป็นขาลง ในปี 2566
ส่วนต่างของกากถั่วเหลืองที่ติดลบมากขึ้นและส่วนต่างของถั่วเหลืองโดยรวมที่ลดลงในเดือน พ.ย.
เราเห็นส่วนต่างจากการสกัดเฉพาะของกากถั่วเหลืองโลกที่ติดลบมากขึ้น 48% MoM ในเดือนพ.ย. (จากเฉลี่ยที่ -41.7 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนต.ค. ไปเป็น -61.8 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนพ.ย.) เนื่องจากราคาเมล็ดถั่วเหลืองโลกที่ปรับตัวขึ้นได้เร็วกว่าราคากากถั่วเหลืองโลก ในขณะที่ส่วนต่างจากการสกัดเฉพาะน้ำมันถั่วเหลืองโลกปรับตัวดีขึ้น 8% MoM ในเดือนพ.ย. (จากเฉลี่ย 986 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนต.ค. ไปเป็น 1,069 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนพ.ย.) ส่วนต่างจากการสกัดเมล็ดถั่วเหลืองรวมทั้งหมด (รวมกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลือง) ปรับตัวลง 1% MoM (จากเฉลี่ย 134.7 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนต.ค. เหลือ 133.2 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในเดือนพ.ย.) ดังนั้นส่วนต่างจากการสกัดเฉพาะกากถั่วเหลืองที่ติดลบมากขึ้นจะยังคงจุดส่วนต่างจากการสกัดถั่วเหลืองทั้งหมดให้ปรับตัวลดลง ถึงแม้ว่าส่วนต่างจากการสกัดเฉพาะน้ำมันถั่วเหลืองได้ปรับตัวดีขึ้นก็ตาม เราเชื่อว่าอุปสงค์การใช้ไบโอดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันถั่วเหลืองให้ยังคงยืนแข็งแกร่ง แต่เศรษฐกิจมหภาคที่อ่อนแอลงอาจจะนำไปสู่อุปสงค์การใช้กากถั่วเหลืองที่ลดลง และกดดันราคากากถั่วเหลืองโลก