บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Initiate)

TP upside (downside) +23.3%

IPO Price (THB) 15.00 

12M Target (THB) 18.50

What’s new?

  • PRI เป็นผู้ให้บริการอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นนํ้าตลอดจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งมีการขยายขอบเขตการให้บริการต่อเนื่องทำให้ฐานรายได้ขยายตัว
  • คาดกำไรปกติปี 2565/66 ที่ระดับสูงสุดใหม่ ที่ 217 ลบ. (+95% YoY) และ 312 ลบ. (+ 444% YoY) หนุนจากการเติบโของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ และจำนวนโครงการภายใต้การบริหารนิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

Our view

  • ประมาณการกำไรปี 2556-57 มี Upside risk โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาดีล M&A กับบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน เราคาดอาจเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1H66
  • เราประเมินมูลค่าเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 18.50 บาท/หุ้น อิง PER66 ที่ 19.0x หรือเทียบเท่าค่าเฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มบริการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกและในประเทศไทย

PRIMO SERVICE SOLUTION หุ้นบริการอสังหาฯ ที่แนวโน้มการเติบโตโดดเด่น

เติบโตด้วยกลยุทธ์ขยายธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ

PRI มีขอบเขตการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำตลอดจนถึงปลายน้ำ อาทิ บริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการ บริหารจัดการนิติบุคคล และออกแบบและตกแต่งภายในที่พักอาศัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีจุดเด่นคือการเป็นบริษัทลูกของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (ORI) ซึ่งทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการ Synergy หรือการส่งเสริมทางธุรกิจซึ่งกันและกัน

พอร์ตรายได้ประจำเติบโตต่อเนื่อง

ในปี 2561-2564 ORI มีการขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 51 โครงการ มูลค่ากว่า 8.4 หมื่นลบ. ส่งผลให้บริษัทฯ มีจำนวนโครงการภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ณ สิ้น 3Q65 บริษัทมีจำนวนโครงการภายใต้บริหารจัดการทั้งสิ้น 78 โครงการ) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญช่วยหนุนผลให้กำไรในปี 2563-2564 ให้เติบโต 14% YoY และ 178% YoY เป็น 40 ลบ. และ 111 ลบ. ตามลำดับ

แม้บริษัทฯ มีการพึ่งพิงสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม ORI ที่ค่อนข้างสูง (สัดส่วน 51% ในปี 2562) แต่ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการหาลูกค้านอกกลุ่ม ORI เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่ม ORI ปรับตัวลดลงเป็น 49% และ 42% ในปี 2564 และ 9M65 ตามลำดับ นอกจากนี้ ภายหลังจากการเข้าตลาด บริษัทฯ จะมีการขยายธุรกิจโดยการ M&A ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น และช่วยลดสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม ORI ลงในอนาคต

คาดกำไรปี 2565/66 ทําระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อ

คาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 217 ลบ. (+95% YoY) สาเหตุหลักมาจาการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1) รายได้ Pre-Living (สัดส่วน 16%) จากการขยายธุรกิจให้บริการงานออกแบบสถาปัตยกรรมการ ในช่วง 2H64 ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2565 2) รายได้ Living (สัดส่วน 40%) จากรายได้นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์จากการขยายขอบเขตงานไปยังการให้บริการนายหน้าที่ดิน และบริการจัดหาผู้ร่วมลงทุน และ 3) รายได้ Living & Earning (สัดส่วน 44%) เนื่องจากบริษัทฯ มีจำนวนลูกค้าออกแบบตกแต่งภายในที่เพิ่มขึ้น

สำหรับกำไรปกติปี 2566 คาดที่ 312 ลบ. (+44% YoY) มีสาเหตุหลักมาจากรายได้คาดเติบโต 48% YoY เป็น 1,237 ลบ. หนุนจาก 1) การเติบโตแบบ Organic คือแผนเปิดโครงการใหม่ของ ORI ในปี 2565 ที่เป็นระดับจุดสูงสุดใหม่ รวมมูลค่า 4.2 หมื่นลบ. (+153% YoY) จะส่งผลโดยตรงต่อรายได้บริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และ 2) การเติบโตแบบ Inorganic ภายหลังจากเข้าตลาดบริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจโดยการ M&A กับบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยในปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในขั้นตอน Due Diligence

ประเมินมูลค่าเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 18.50 บาท/หุ้น

เราประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 18.50 บาท/หุ้น จากประมาณการกำไรปกติปี 2566 ของเราที่ 312 พันลบ. (+44% YoY) หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังจากเข้าตลาดที่ 320 ล้านหุ้น จะคิดเป็น EPS66F ที่ 0.98 บาท/หุ้น และอิง PER ที่ระดับ 19.0x เทียบเท่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม

- Advertisement -