บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +18.0%
Close Nov 29, 2022 Price (THB) 69.50
12M Target (THB) 82.00
Previous Target (THB) 72.00
What’s new?
- ต้นทุนเชื้อเพลิงปี 2556 จะลดลง YoY จากระดับสูงผิดปกติในปีนี้ กดดันจากอุปสงค์ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ, ปริมาณผลิตเพิ่มขึ้น และการบริการจัดการด้านอุปทานของยุโรปดีขึ้น
- ราคาก๊าซในประเทศมีแนวโน้มลดลงจากสัญญาสัมปทานใหม่ของก๊าซในอ่าวไทย ราคา LT Contract LNG และสดสวนนำเข้า Spot LNG
- ค่า Ft มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY ชดเชยภาระค่าต้นทุนเชื้อเพลิงจํานวนมากของ EGAT ในช่วงที่ผ่านมา
Our view
- คาดกำไรปี 2556 จะเข้าสู่รอบการฟื้นตัวจาก Margin โรงไฟฟ้า SPP และรับรู้กำลังผลิตใหม่เต็มปี
- แนะนำ ซื้อ จาก 1) การเติบโตระยะยาวตามเทรนด์พลังงาน และการขยายธุรกิจเครือ PTT 2) การเติบโตแบบ Turnaround ปี 2556 3) ได้ประโยชน์จาก Theme Defensive และ Bond Yield ปรับลง 4) ประมาณการมี Upside จากการประมูลโรงไฟฟ้าหมุนเวียน และค่า Ft
- ปรับราคาเหมาะสมใหม่ 82.00 บาท สะท้อนข้อมูลสถิติบ่งชี้ว่าหุ้นโรงไฟฟ้าจะ Outperform – ได้ Premium ช่วงคลายกังวลเศรษฐกิจ และ Bond Yield ลดลง
GLOBAL POWER SYNERGY ถึงรอบการฟื้นตัว
ต้นทุนเชื้อเพลิงกำลังผ่านจุดสูงสุด
เรามองว่าปัจจัยกดดัน Margin จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเชื้อเพลิงจะทยอยคลายตัวในปี 2566 โดยราคาถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติจะเห็นการ Normalized จากระดับสูงผิดปกติในปีนี้ เพราะอุปสงค์พลังงานชะลอตัวตามเศรษฐกิจโลก, การผลิตเร่งตัวขึ้น และชาติตะวันตกจะบริหารจัดการด้านอุปทานได้ดีขึ้น (ปีนี้เกิดการเร่งซื้อเพื่อเติมสต็อกรับมือนโยบายคว่ำบาตรรัสเซีย) นอกจากนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศยังมีแนวโน้มลดลง YoY จากปัจจัยเฉพาะตัวดังนี้ 1) การปรับตัวลงของราคาก๊าซในอ่าวไทยตามโครงสร้างสัมปทานฉบับใหม่ 2) ราคา Long-term Contract LNG ลดลงตามราคาน้ำมัน และราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก 3) ราคา Asia Spot LNG ปรับตัวลดลง YoY (ล่าสุดอยู่ที่ US$31/MMBtu -56% จากระดับสูงสุดช่วงปลายเดือนส.ค.) 4) สัดส่วนการนำเข้า Spot LNG น้อยลงหลังผู้ผลิตในอ่าวไทยทยอย Ramp-up ปริมาณผลิต
EGAT รับภาระต้นทุนไม่ไหว คาดหนุนปรับขึ้น Ft ต่อเนื่อง
นโยบายพลังงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนช่วงแพร่ระบาด Covid ทำให้เกิดข้อจำกัดในการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ซึ่งเป็นกลไกการปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนการผลิต เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ EGAT รับภาระต้นทุนเชื้อเพลิงสูง เราเชื่อว่าหลังจากนี้ภาครัฐจะทยอยปรับขึ้นค่า Ft ให้สะท้อนต้นทุนของโรงไฟฟ้า เพื่อลดภาระและสร้างความมั่นคงให้ EGAT อ้างอิงประมาณการค้า Ft งวดเดือนม.ค. – เม.ย. 2566 ของกกพ. จะเรียกเก็บที่ 156.31 – 224.98 สตางค์ต่อหน่วย สูงขึ้นจากงวดต้นปี (ม.ค. – เม.ย. 2565) และงวดปัจจุบัน (ก.ย. – ธ.ค. 2565) ที่มีการเรียกเก็บ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ตามลำดับ
กําไรเติบโตแบบ Turnaround ด้วยการฟื้นตัวของ Margin พร้อมกำลังผลิตใหม่
คาดผลประกอบการ 4Q65 จะเริ่มเข้าสู่รอบการฟื้นตัว และขึ้นทำจุดสูงสุดของปี หนุนจากการรับรู้ค่า Ft งวดเดือนก.ย. – ธ.ค. 2556 เต็มไตรมาส, ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง QoQ, ส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และกำลังผลิตใหม่ รวมทั้งเงินเคลมประกันภัย 20-30 ล้านเหรียญฯ มองข้ามไปปี 2566 จะเห็นการเติบโตแบบ Turnaround ราว 1 เท่าตัว (ฐานต่ำหลังกำไรหดตัว 2 ปี) หนุนจากการฟื้นตัวของ Margin ธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ตามค่า FL, ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำลง, กำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จาก Avaada และ Glow Energy Phase 2 นอกจากนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า GPSC ยังมีการเติบโตจากกำลังผลิตไฟฟ้าของโครงการ โรงไฟฟ้าระหว่างก่อสร้าง เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมไต้หวัน, โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์อินเดีย, โครงการ ERU, โครงการ Glow SPP 2 ช่วยเพิ่มกำลังผลิตจากปัจจุบัน 6.4 GW เป็น 7.3 GW ในปี 2568
Re-rating Valuation ขึ้น สะท้อนสัญญาณบวกจาก Theme Defensive และ Yield Peak
ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 82.00 บาท (เดิม 72.00 บาท) อ้างอิง DCF บนสมมติฐาน WACC 5.7% (เดิม 6.0%) สะท้อนผลการศึกษาทางสถิติพบว่าหุ้นโรงไฟฟ้าจะ Outperform และได้ Valuation Premium ช่วง ตลาดกังวลต่อเศรษฐกิจ และทิศทางปรับตัวลงของผลตอบแทนพันธบัตร คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความน่าสนใจ 1) หุ้น Growth ที่มีการเติบโตระยะยาวอีกมากทั้งตามเทรนด์การใช้พลังงาน และการขยายธุรกิจตามเครือ PTT 2) ผลประกอบการกำลังเข้าสู่รอบการฟื้นตัว 3) Theme การลงทุนสอดคล้องสภาพแวดล้อม ในปี 2566 ที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ 4) ประมาณการมี Upside จากการเข้าประมูล โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และการประกาศขึ้นค่า Ft มากกว่าคาด