Daily Focus: Domestic Play//Let Profit Run

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ตามคาด ปิดบวก 13.08 จุด ณ สิ้นวัน อย่างไรก็ตาม หุ้นที่หนุนหลักเป็น DELTA ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ โดยรวมขยับบวกได้เล็กน้อย ทำให้การปรับขึ้นวานนี้ยังต้องติดตามการ DELTA พลิกกลับมาปรับลง มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างหนาแน่น 7.5 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในรอบ 14 วันทำการถึง 2.7 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 1.3 พันลบ. (แต่พลิกมา Short Index Futures 2.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways กรอบ 1,640-1,655 จุด ทางเทคนิคยังเป็นบวกหลังทะลุผ่านแนวต้านระยะสั้น 1,640 จุด อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะลดความร้อนแรงลงจากวานนี้ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน พ.ย. ที่จะประกาศคืนนี้ ส่วนเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯเดือน ต.ค. ที่ออกมาอ่อนกว่าคาดเล็กน้อยและชะลอจากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับ Comment ของ FED ที่จะเริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. กลุ่มพลังงานคาดฟื้นตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบจากจีนที่ทยอยผ่อนปรนมาตรการคุม COVID-19 ส่วนการประชุม OPEC+ วันที่ 4 ธ.ค. ตลาดคาดว่าจะคงการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องจากเดือน พ.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงมุมมองบวกเดิมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการบริโภคและลงทุนของเอกชน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เร่งตัว เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play และคาดกระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มทยอยไหลเข้าต่อเนื่อง

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจที่เร่งตัว // ยังถือลงทุนต่อเนื่อง หลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

หุ้นเด่นวันนี้ : BCP

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก IAA Consensus 39.17 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้นจากทั้ง Stock Loss ที่หายไป รวมถึงการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้นตามค่าการกลั่นที่สูงกว่าไตรมาสก่อน รวมถึงปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการ Reopening และปัจจัยฤดูกาล
  • ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด PBV ต่ำเพียง 0.7 เท่า นอกจากธุรกิจของ BCP มีการกระจายตัวไปยังพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง และเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานที่มีจุดเด่นด้าน ESG สูงสุด
  • แนวรับ 30-29.50 บาท แนวต้าน 34-35 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอีก US$753 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$614 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสานโดยไหลเข้าไทยและเวียดนามประเทศละ US$38-42 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$73 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลเข้าแตะชะลอตัวลงรอดูตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) จับตาตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้ ตลาดคาดเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 2 แสนตำแหน่ง ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.61 แสนตำแหน่ง อัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 3.7% ส่วนค่าจ้างแรงงานคาดปรับขึ้น +0.3% M-M, +4.6% Y-Y ยังต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดจะสร้างความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอาจ Recession ปีหน้า

(0) CBG แนวโน้มกำไร 4Q22 จะฟื้นตัวเล็กน้อยจากต้นทุนอลูมิเนียมที่ลดลง แต่แนวโน้มรายได้ไม่สดใส ในประเทศเผชิญการแข่งขันรุนแรงขึ้นจากทั้ง M150 กลับมาทำ 10 บาท และกระทิงแดงทำการตลาดค่อนข้างมากและสามารถแย่ง Market Share จากทั้ง M150 และคาราบาวแดงได้ ล่าสุดอยู่ระหว่างแก้เกมทางการตลาด ขณะที่ส่งออกยังไม่ฟื้นทั้งจีนและพม่า ล่าสุดบริษัทตัดสินใจสร้างฐานการผลิตในพม่า แต่ระยะสั้นอาจเผชิญต้นทุนและค่าใช้จ่าย สูงขึ้นจากการย้ายเครื่องจักร และยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในพม่าอยู่ แนวโน้มการเติบโตในปี 2023 จึงดูสดใสน้อยลง Consensus คาดกำไรปี 2023 +22% และให้ราคา เป้าหมายเฉลี่ย 108 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน 2023PER ที่ 30 เท่า ถือว่าไม่ถูก แนะนำเพียง “เก็งกำไร”

(+) BBIK เข้าลงทุนใน Innoviz ซึ่งทำธุรกิจ ERP Development Consulting และ VDD ซึ่งทำธุรกิจ Digital Delivery โดยใช้เงิน 1.2-1.6 พันลบ. และคาดว่าจะสร้างกำไรส่วนเพิ่มได้ราว 27% ในปี 2023 ซึ่งมากกว่า Dilution จากการเพิ่มทุนสัดส่วน 10% รวมถึงทำให้บริการของ BBIK ครบวงจรมากขึ้นพร้อมที่จะขยายธุรกิจในระยะยาว ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 135 บาท ยังไม่รวม Upside จากดีลกังกล่าว แนะนำ “ซื้อ”

(+) BCPG เรามีมุมมองเชิงบวกหลังเข้าร่วม Site Visit โครงการ Solar Farm ในไต้หวัน ซึ่ง BCPG มีแผนลงทุน Solar Farm ขนาด 480 MW ในไต้หวันและคาดว่าจะเริ่ม COD ได้ 70 MW ในปี 2023 และทยอยเพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองว่าจะช่วยชดเชย Adder ของโครงการโรงไฟฟ้าเก่าๆ ที่จะทยอยหมดลงได้บ้าง รวมถึงเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตระยะยาว BCPG ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 2.9GW ในปี 2026 จาก 1.3 GW ในปีนี้ ยังคงราคาเป้าหมาย 13 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดลดลง 194.76 จุด หรือ 0.56% ปิดที่ 34,395.01 จุด หลังเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับลงเป็น 49.0 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 49.8 จาก 50.2 ในเดือนต.ค.

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก หลังประธานเฟดส่งสัญญาณชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ในกรุงปักกิ่งและนครกว่างโจว

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับลง ท่ามกลางนักลงทุนรอดูความชัดเจนของมาตรการผ่อนคลาย COVID-19 ของจีน รวมถึงตลาดหุ้นโตเกียวปรับลงจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าขึ้น อยู่ที่บริเวณ 34.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.22 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงรายงานข่าวว่าทางการจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งและเมืองกว่างโจวหนุนความต้องการใช้น้ำมัน

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 55.3 ดอลลาร์ หรือ 3.14% ปิดที่ 1,815.2 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการปรับลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 906.64 / -1.45

- Advertisement -