บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +32.0%

Close Jan 24, 2023 Price (THB) 16.00

12M Target (THB) 21.00

Previous Target (THB) 21.00

What’s new?

  • ปี 2566 คาดเป็นปีที่ดีของ KJL หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำได้เป็นปกติ กลุ่มก่อสร้างและกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการพัฒนาโครงการเพิ่ม ส่งผลต่อสินค้าของ KJL เป็นที่ต้องการมากขึ้น
  • มีโอกาสดีจากตลาด (EV) มีคำสั่งจากลูกค้าเพิ่มในอนาคต บริษัทสามารถผลิตงานรองรับได้มากขึ้นปัจจุบันมีคำสั่งซื้อกว่า 200 ชุด

Our view

  • 4Q65 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 34 ล้านบาท (+ 29.1% YoY, +6.3%,000) ได้แรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้
  • แนวโน้ม 1Q66 คาดกำไรเติบโต YoY โดยคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี จากการบริหารด้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปัจจัยเสี่ยง: ภาวะเศรษฐกิจไม่เติบโตตามคาด กระทบกำลังซื้อ การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น

KIJCHAROEN ENGINEERING ELECTRIC 4Q65 เติบโตดีทั้ง YoY, QoQ

กำไร 4Q65 เติบโตจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น

เราคาดใน 4Q65 จะมีกำไรปกติราว 34 ล้านบาท (+29.1%YoY, +6.3%QoQ) ผลประกอบการเติบโตจาก ยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีต่อเนื่อง

  • คาดบริษัทมีรายได้ราว 264 ล้านบาท (+17.9%YoY, +3.3%QoQ) สินค้าของ KJL ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถสร้างยอดขาย เห็นได้จากการเติบโตค่อนข้างดี
  • อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 30.2% เมื่อเทียบกับ 4Q64 ที่ 26.4% และ 3Q65 ที่ 29.1% KJL ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งยังอยู่ระดับสูงที่ระดับ 28-30%
  • ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร 37 ล้านบาท (+48.1%YoY, +13.4%QoQ) ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีส่วนหนึ่งเป็นค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเกิดเป็นเพียงครั้งเดียว

คาดให้ผลตอบแทน Dividend Yield ในระดับดีกว่ากลุ่ม

จากประมาณการจ่ายปันผล ปี 2565 ราว 0.60-0.70 บาทต่อหุ้น หรือภายใต้สมมุติฐาน Dividend Payout Ratio ที่ 52%- 63 % ตามลำดับ บริษัทจะให้อัตราผลตอบแทน Dividend Yield ราว 3.8- 4.5% โดย KJL ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทในกลุ่ม Indus ที่ซื้อขายในตลาด MAI ที่ให้ Dividend Yield เฉลี่ยเพียง 2.2%

คงคําแนะนํา ซื้อ

KJL มีแนวโน้มที่ดีจากโอกาสงานใหม่ที่ได้รับ ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายเพิ่ม รวมถึงการเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่าย ผ่านศูนย์นวัตกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางในการพบกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ผลิต ขณะเดียวกันบริษัทบริหารจัดการต้นทุนได้ดี เห็นได้จากการเพิ่มระดับของอัตรากำไรขั้นต้นได้ต่อเนื่อง โดยเราคาดเห็นกำไรปกติจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) (ปี 2565 – 2567) ที่ 15.8% คาดหมายกำไรปกติปี 2566 ที่ 150 ล้านบาท เติบโต 13% YoY ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 21 บาท (อ้างอิง PE 16.5 เท่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน)

- Advertisement -