สรุปภาวะตลาด

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุม ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แรงขายมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และไอซีที ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,652.47 จุด -7.01 จุด -0.42% มูลค่าการซื้อขาย 56,102 ลบ. ต่างชาติ -2,899.285 ลบ. TFEX ตราสารหนี้ -4,935.00 ลบ. -16,651 สัญญา

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 108.82 จุด +0.33% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน อันเนื่องมาจาก ความกังวลที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ +2% ปิดที่ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งรายงานที่ว่ารัสเซียวางแผนลดการส่งออกน้ำมันในเดือนหน้า

+ รัฐบาลไต้หวันจะมอบเงินสดหรือส่วนลดจูงใจแก่นักท่องเที่ยวจำนวน 500,000 รายในปีนี้ เพื่อพลิกฟื้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว หลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกระตุ้นการใช้จ่าย

+ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากราคาสินค้าและการบริการสำหรับกลุ่มซัพพลายเออร์ ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากอัตราค่าสาธารณูปโภคพุ่งสูงขึ้น

+ คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศ ไทย 52 ราย รวมเงินลงทุน 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีแก่คนไทย โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ปัจจัยลบ-

– สหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ประมาณการครั้งที่ 2 งวด 4Q65 ขยายตัว 2.7% ซึ่งแม้ว่าต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่มีการขยายตัว 2.9% แต่สะท้อนเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

-สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 192,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 200,000 ราย

– ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเปิดเผยว่ารัสเซีย ยังคงให้ความสนใจส่งเสริมกองกำลังนิวเคลียร์ และจะเริ่มการส่งมอบครั้งใหญ่สำหรับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเซอร์คอน (Zircon) ที่สามารถยิงได้จากทะเล

– ทางการจีนเรียกร้องให้บริษัทของรัฐยุติการใช้บริการบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 4 แห่ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่องถึงความกังวลเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันน้ียังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังกังวลที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ยังจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ในวันนี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ Rebound ช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,640-1,660 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • จีนเปิดประเทศ+เราเท่ียวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
  • หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
  • หุ้นเช่ือมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC
  • หุ้นเข้าคำนวณ MSCI Global Standard : เข้า BANPU ออก – , MSCI Global Small Cap : เข้า AURA BTG ONEE SNNP และ THCOM ออก BANPU COM7 TIDLOR และ TISCO มีผล 28 ก.พ.นี้
  • BOI ส่งเสริมการลงทุนช้ินส่วน EV : EA GPSC BCP DELTA PIMO FPI

หุ้นรายงานพิเศษ

DMT – ซื้อ “คาดโตต่อเนื่องในปี 66

  • รายได้ 4Q65 เท่ากับ 552 ลบ. +43%YoY, +9%QoQ และกำไร 236 ลบ. +51%YoY, +10%QoQ เนื่องจากในไตรมาส 4 รัฐผ่อนคลายมาตรการการควบคุมโควิด-19 หนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวส่งผลให้ปริมาณการใช้ทางด่วนเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็นช่วงดินแดง-ดอนเมือง 62,829 คันต่อวัน และช่วงดอนเมือง-อนุสรณ์ สถานฯ 38,276 คันต่อวัน รวม 1 แสนคันต่อวัน +40%YoY, +9%QoQ ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น โดยในปี 64 อยู่ที่ระดับ 57% ส่วนปี 65 อยู่ที่ระดับ 64% ขณะที่กำไรทั้งปี 65 เท่ากับ 781 ลบ. +93%YoY
  • ผบห.ประเมินปริมาณการใช้ทางด่วนในปี 66 เฉลี่ย 1.1 แสนคันต่อวัน +30%YoY โดยยังได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยวและกิจกรรมแบบ Onsite ขณะที่เดือนเมษายนบริษัทได้ร่วมประมูลทางด่วนกะทู้-ป่าตอง ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ราย บน เงื่อนไขการดำเนินงานธุรกิจจัดเก็บค่าผ่านทางเป็นระยะเวลา 20 ปี ผบห.จึงมองเป็น โอกาสจากคู่แข่งที่น้อยราย คาดการก่อสร้างทางด่วนกะทู้-ป่าตองจะแล้วเสร็จและพร้อมคําเนินการในปลายปี 2570
  • ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการทั้งปี 66 เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่การใช้ทางด่วนทั้งปี 65 ราว 85,000 คันต่อวัน ปัจจุบันต้นปี 66 การใช้ทางด่วนปรับตัวขึ้นแตะ 1.0-1.2 แสนคันต่อวัน หนุนรายได้ฟื้นตัวใกล้เคียง ปี 2562 ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา +16%YTD ทำให้หุ้นซื้อขายที่ P/E 21 เท่า แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 56 เท่า เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) COM7 (Bloomberg consensus 39.00 บาท) เปิดแผนธุรกิจปีนี้ตั้งเป้ารายได้โตกว่า 15% ขยายสาขาอีก 200 แห่ง วางเกมครบเครื่องธุรกิจรีเทล รุกร้านอาหารสัตว์เลี้ยงเริ่มมี.ค. ประเดิม 10- 20 สาขาปีแรก และยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจรีเทลเพิ่มขึ้นอีก เผยไตรมาส 1/66 รับผลดีช้อปดีมีคืนและ iPhone14 โบรกอัพกำไรและราคาเป้าหมายเพิ่มที่ 36 บาทต่อหุ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ERW (Bloomberg consensus 5.60 บาท) ท่องเที่ยวปี 2566 คึกคัก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่ง 25 ล้านคน คาดยอดจองห้องพักเฉลี่ย (Occupancy) ในช่วงไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ราว 80% แถม “เราเที่ยวด้วยกัน” หนุน มั่นใจรายได้รวมปี 2566 โต 45% อัตราเข้าพักเฉลี่ยต่อห้องโตไม่ต่ำกว่า 40% คงระดับยอดจองเฉลี่ย 75-80% เล็งอัดงบ 1.6 พันล้านบาท ลุยฮอปอินน์ 18 แห่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TFG (Bloomberg consensus 8.00 บาท) ทุ่มงบลงทุน 3,000-3,500 ล้านบาท รับแผนขยายฟาร์มหมู-ฟาร์มไก่ในเวียดนาม และขยายสาขาธุรกิจค้าปลีก หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน วางเป้ารายได้ปี 2566 โต 15% รุกเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่ม พร้อมขยาย “ร้านไทย ฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต” เพิ่มเป็น 400 สาขา ภายในปีนี้ รองรับดีมานด์ลูกค้า ดันมาร์จิ้นเพิ่ม อวดปี 2565 กำไรโตแรง 741% กว่า 4,722 ล้านบาท จ่ายปันผลอีก 0.30 บาทต่อหุ้น เล็งออกหุ้นกู้ 3 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MTC (Bloomberg consensus 36.00 บาท) ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20% ลุยขยายเพิ่ม 600 สาขา และศูนย์การประมูลรถเพิ่มอีก 2 แห่งในภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองรับการบริหารจัดการทรัพย์ของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพรับ NPL ทยอยเร่งตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป แต่มั่นใจทั้งปีคุมได้ไม่เกิน 3.50% โชว์ปันผล 0.94 บาทต่อหุ้น กำหนด XD วันที่ 27 เมษายน 2566 (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 28 ก.พ. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย กำหนดวันสุดท้ายบริษัทจดทะเบียนส่งงบปี 65
  • 7 พ.ค. เลือกตั้ง

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 24 ก.พ. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค.
  • 27 ก.พ. อียูรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนธ.ค.
    • สหรัฐ รายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค.
  • 28 ก.พ. ญี่ปุ่น รายงานยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.
    • สหรัฐรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน ม.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.
  • 1 มี.ค. จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการ เดือนก.พ.จาก สํานักงานสถิติแห่งชาติ (NBS)
    • อียู รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาค การผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากเอสแอนด์พี โกลบอล
- Advertisement -