บล.บัวหลวง:

Inter Pharma (IP TB /IP.BK)

IP – ปักฐานให้แน่น เพื่อเข้าช่วงเติบโต

ในปี 2022 แม้รายได้จะเติบโตก้าวกระโดด แต่กําไรอาจจะสะดุดไม่เป็นไปตามที่หวัง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงของการเข้าซื้อธุรกิจใหม่ ที่ต้องนำมาบริหารจัดการเพิ่มเติม และจะออกดอกผล เห็นอัตรากำไรสูงขึ้น และภาพรวมพลิกกลับมาเป็นตัวหนุนการเติบโตของกำไรระดับ 50-60% YoY ในปี 2023 ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 17.20 บาท (เดิม 20 บาท) ตามการปรับลดประมาณการกำไรลงให้ยิงสมมติฐานที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น และอิงตาม PEG 1 เท่า เทียบการเติบโตของ EPS เฉลี่ยที่ 35% CAGR ปี 2023-25

กําไร 4Q22 ยังไม่สมหวัง เพราะค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่าปกติ

IP รายงานทําไรสุทธิ 4Q22 ที่ 28.2 ล้านบาท ลดลง 24% YoY และ 7% QoQ ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 46% และ 36% ตามลำดับ สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่คาด โดยรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 441 ล้านบาท (New High) อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย (GM) อยู่ที่ 43.1% เพิ่มขึ้นจาก 39.9% ใน 4Q21 และ 39.4% ใน 3Q22 (มีการปรับราคาขายขึ้นกลางปี เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่ม) ส่วน SG&A/revenue ratio อยู่ที่ 33% เพิ่มขึ้น 622bps YoY และ 403bps QoQ จาก คชจ. เพิ่มจากร้านขายยา และของ รพ. ที่เข้ามาเพิ่ม

คาด 1Q23 กําไรกลับมาเติบโต YoY และ QoQ อีกครั้ง

แนวโน้มกำไร 1Q23 คาดเติบโต YoY และ QoQ หนุนโดยรายได้และอัตรากําไรขยายตัว โดยเราประเมินว่ารายได้รวมจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ราว 450-475 ล้านบาท สาเหตุหลักจาก 1) รายได้ร้านขายยาเติบโตดีตามนักท่องเที่ยวคึกคักขึ้น โดยเฉพาะหลังจากจีนเปิดประเทศ และการปรับปรุง- ขยายสาขา Flagship 2) รับรู้รายได้-กําไรธุรกิจ รพ. นครพัฒน์ เข้ามาเต็มไตรมาส 3) ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดประจําจากการทำดีลต่างๆ น้อยลง (หรืออาจไม่มี)

คาดกําไรหลักเติบโต 35% CAGR ปี 2023-25

ในปี 2023 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ราว 2.1 พันล้านบาท โดยตัวหนุนการเติบโตหลักจะมาจากรายได้ร้านขายยาที่ตั้งเป้าหมายไว้ 700-800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 401 ล้านบาท ในปี 2022 จาก 1) ลูกค้าเพิ่มเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ยังมีล็อคดาวน์ประเทศ และ 2) ขยายสาขาเพิ่ม 15 สาขา ของ IP (จากปัจจุบัน 21 สาขา) และอยู่ระหว่างเจรจาสาขาในปั้มของกลุ่ม ปตท. ร่วมกับ OR อีกราวๆ 6 สาขา ในส่วน รพ. แม้ฐานกำไรปีนี้จะลดลงจากไม่มีโควิด-19 แต่ในระยะยาวก็จะขยายฐานรายได้และอัตรากําไรผ่านการเปิด-อัพเกรดศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง เช่น ศูนย์ตรวจสุขภาพ อุบัติเหตุ โรคเลือด การนอน ภูมิแพ้ และ MRI เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีแผนเตรียมนำ Lab Pharmacy (ร้านขายยา) ยื่นจดทะเบียนเข้าตลาดภายในปีนี้ และ รพ. ในปีถัดไปด้วย

ทั้งนี้ เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2023-25 ลง 23% 21% และ 15% ตามลำดับ โดยลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นลง และเพิ่มค่าใช้จ่ายให้อนุรักษ์นิยมขึ้น และสอดคล้องที่เกิดขึ้นจริงช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ประมาณการ ใหม่ของเราคาดกำไรหลักปี 2023-25 เติบโตเฉลี่ย 35.3% CAGR โดยปี 2023 เติบโตมากสุด 54% YoY จากปัจจัยสนับสนุนที่กล่าวมาข้างต้น

ความเสี่ยงที่สำคัญ

  • ความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงกระแสความนิยมของผู้บริโภค และการคาดการณ์อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ที่คลาดเคลื่อน
  • ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้รับจ้างผลิตภายนอก
  • ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงผู้กระจายสินค้ารายใหญ่ และจากการบริหารสินค้าคงเหลือ
  • ความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จากความไม่ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
  • ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฏหมาย กฏระเบียบ กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  • ความเสี่ยงจากการแข่งขันในตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม
- Advertisement -