บล.พาย:
DELTA Delta Electronics (Thailand) PCL
ต้นทุนจะสูงถึงไตรมาส 3/23 เพราะอุปทานดึงตัว
เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการสำหรับ DELTA (จากขายด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 43.40 บาท) เพราะจะอัปเดตวิธีคำนวณมูลค่าหุ้น สำหรับกลุ่มนี้ในเร็วๆ นี้ DELTA รายงานกำไรปกติไตรมาส 1/23 ที่ 3.5 พันล้านบาท (+54%YoY, -23%QoQ) ที่ลงแรง QoQ เป็นเพราะต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สืบเนื่องจากอุปสงค์ EV ในตลาดโลกที่แข็งแกร่ง ส่วนยอดขายในสกุลเงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งแกร่ง QoQ ที่ $940 ล้าน (+27%YoY) ตอกย้ำว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากฝั่งอุปทานมากกว่าอุปสงค์ การประชุมนักวิเคราะห์ให้โทนเชิงบวกเล็กน้อย ผู้บริหารยังมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ 15%-20% YoY (ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ) ในปี 2023 ได้ แต่มองว่าปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วน EV จะลากไปถึงไตรมาส 3/23 ขณะที่บริษัทมี backlog ที่แน่นอนแล้ว 6 เดือน โดยรวมเราคาดว่ากำไรปกติ ปี 2023 จะโต 4% YoY (เทียบ 140%YoY ในปี 2022) เป็น 1.5 หมื่นล้านบาท เพราะการเติบโตของยอดขายจะถูกฉุดลงจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
การประชุมนักวิเคราะห์
- ผู้บริหารคงเป้าหมายการเติบโตรายได้ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ ที่ 15%-20% สําหรับปี 2023 แต่ลดเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เป็น 22%-23% (จาก 23%-24%) ซึ่งเรามองว่าเกิดขึ้นได้จริงและนำมาประยุกต์ใช้กับประมาณการของเราแล้ว แต่ยังเป็นเป้าหมายในกรอบต่ำ เพราะเรายังมีมุมมองที่รัดกุมต่อภาพรวมเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และ EU (65% ของรายได้รวมในปี 2022)
- ปัญหาด้านวัตถุดิบโดยเฉพาะกลุ่ม EV มีพัฒนาการที่แย่ลงจากช่วงไตรมาส 3-4/22 โดยผู้บริหารมองว่าปัญหาการขาดแคลนอุปทานอาจลากไปถึงไตรมาส 3/23 ส่วนข้อมูลจาก Susquehanna Financial Group ระบุว่าระยะเวลาส่งมอบชิปปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือน พ.ค. 2022 และมีการปรับเพิ่มในรอบเดือนเดียวที่สูงสุดตั้งแต่วิกฤติขาดแคลนชิปเมื่อกลางปี 2021 แต่ด้วยสภาวะอุปทานล้นตลาดในบางกลุ่ม เช่น สมาร์ทโฟน และ PCs เราจึงคาดว่าผู้ผลิตชิปและชิ้นส่วนอุปกรณ์จะจัดสรรกำลังการผลิตมารองรับอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาสภาวะอุปทานตึงตัวลงได้ภายในปี 2024
- DELTA มี backlog ในทุกกลุ่มธุรกิจอีก 6 เดือน และบริษัทไม่คิดว่าจะถูกยกเลิกค่าสั่งซื้อแต่อย่างใด แต่รับรู้ว่ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์และระบบระบาย ความร้อนเริ่มส่งสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวลงหลังไตรมาส 3/23 ธุรกิจ EV ของ DELTA ยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก บริษัทยังมองบวกต่อกลุ่มนี้และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 10%-15% ต่อไตรมาส และ 50%-60% สําหรับทั้งปี 2023 การขยายโรงงานแห่งที่ 8 ที่เน้นการผลิตชิ้นส่วน EV ยังคืบหน้าตามแผนการ และจะเริ่มเดินเครื่องภายในกลางปี 2023 โครงการนี้มีเป้าหมายเพิ่มยอดขายกลุ่ม EV ขึ้นเท่าตัวภายในปี 2024-25 และหนุนให้กลุ่ม EV มี สัดส่วน 40%-50% ต่อยอดขายรวมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า (ปัจจุบันที่ 22% ของยอดขายรวม)
สรุปผลประกอบการไตรมาส 1/23
- กำไรปกติไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (+54% YoY, -23% QoQ) ที่โตดี YoY เป็นผลยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่บริษัทเริ่มเร่งการผลิตในโรงงานใหม่ตั้งแต่ต้นปี 2022 ส่วนที่ลดลง QoQ เป็นเพราะบาทแข็งและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น
- ยอดขายไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท (+31% YoY, -7% QoQ) หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ยอดขายไตรมาส 1/23 ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ จะอยู่ที่ $940 ล้าน (+27% YoY, ทรงตัว QoQ) อิง FX ที่ 34.4 บาท/ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ โรงงานแห่งใหม่ที่รองรับอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในกลุ่ม EV และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก คือปัจจัยที่ทำให้โตดี YoY แต่ที่ทรงตัว QoQ ส่วนหนี่งเป็นเพราะสภาวะวัตถุดิบถึงตัวที่ไปจํากัดขีดการผลิต
- GPM ไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 20.8% (-0.1ppts YoY, -3.7ppts QoQ) ที่ลดลงแรง QoQ เป็นเพราะอุปทานถึงตัวในกลุ่ม EV ที่ทำให้มีต้นทุนสูงขึ้นและบาทแข็ง (ไตรมาส 1/23 ที่ 34.4 บาท/ดอลลาร์ฯ เทียบสมมติฐานปี 2023 ของเราที่ 34.0 บาท) นอกจากนี้ สภาวะอุปทานขาดแคลนนี้ยังบีบให้ DELTA ต้องตั้งสำรองวัตถุดิบเพิ่มเติม ส่วนยอดขายที่ลดลงขณะที่มีต้นทุนแรงงานคงที่ก็หมายความว่าศักยภาพการทํากำไรจะลดลง
ปรับเพิ่มประมาณการค่าไรปี 2023-24 หลังธุรกิจ EV มีผลงานดีกว่าคาด
- ปรับเพิ่มประมาณการยอดขายปี 2023-24 ขึ้นเพื่อสะท้อนยอดขายกลุ่มยานยนต์ที่ดีกว่าคาด เดิมทีเราคิดว่าดอกเบี้ยที่สูงและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาคจะกดดันยอดขายกลุ่มยานยนต์ แต่กลับพบว่าการผลิตยานยนต์รายเดือนในสหรัฐฯ และ EU ปรับ เพิ่มต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ม.ค. 2023 ส่วนข้อมูลจาก Susquehanna Financial Group ระบุว่าระยะเวลาส่งมอบชิปปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกตั้งแต่เดือน พ.ค. 2022 จากอุปสงค์กลุ่มยานยนต์ แม้กลุ่ม PC และสมาร์ทโฟนจะประสบปัญหาอุปทานล้นตลาดก็ตาม ด้วยเหตุนี้เราจึงปรับประมาณการยอดขายปี 2023-24 ของเราเพื่อสะท้อนถึงผลงานที่ดีกว่าคาดนี้
- ปรับลดประมาณการ GPM ปี 2023 ลง เพื่อสะท้อนราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น เราปรับลดประมาณการ GPM ปี 2023 ลง 1.6ppts เพราะเชื่อว่าปัญหาการขาดแคลนชิปจะดำรงอยู่ต่อไป แต่ยังคง GPM ปี 2024 ตามเดิม เพราะมองว่าผู้ผลิตชิปและซัพพลายเออร์ด้านชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ จะจัดสรรกำลังการผลิตมารองรับกลุ่ม EV มากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาอุปทานถึงตัวลงได้
Revenue Breakdown
- ธุรกิจกลุ่มพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์คิดเป็นสัดส่วน 77% ของรายได้รวมของบริษัท ซึ่งเกี่ยวข้องกับออกแบบผลิต และจำหน่ายพาวเวอร์ซัพพลายที่ใช้ในคอมพิวเตอร์, เซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์ระบบอัตโนมัติในสำนักงาน, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน, และอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือตัวแปลงไฟฟ้า DC/DC เพาเวอร์ซัพพลายสำหรับคอมพิวเตอร์ พัดลม และ เซิร์ฟเวอร์
- ผลิตภัณฑ์ระบบความร้อน โซลีนอยด์และ อีเอ็มไอฟิลเตอร์ ธุรกิจระบบโครงสร้างพื้นฐานคิดสัดส่วน 20% ของรายได้รวม โดยธุรกิจนี้เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารและระบบของโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักนั้นใช้ในระบบโทรคมนาคม พลังงานทดแทน การจัดเก็บพลังงาน และระบบไฟฟ้าแรงสูง
- ธุรกิจระบบอัตโนมัติคิดเป็นสัดส่วน 3% ของรายได้รวม โดยบริษัทได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ ประกอบด้วยรวมถึงไดรฟ์ระบบควบคุมการเคลื่อนไหว ระบบควบคุมทางอุตสาหกรรมและการสื่อสาร การปรับปรุงคุณภาพพลังงาน การเชื่อมต่อเครื่องจักรและมนุษย์ ระบบเซ็นเซอร์ มิเตอร์และโซลูชั่นหุ่นยนต์