KS Daily View 08.05.2023 >>> หุ้นไทยยัง underperformed เป็นโอกาสสะสม ขณะที่ตลาดรอผลเลือกตั้ง คาด SET ฟื้นตัวในกรอบ 1,520-1,555 หุ้นแนะนำวันนี้ AURA, BE8
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +1.65%, S&P 500 +1.85%, NASDAQ +2.25% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P 500 ได้แก่ Energy (+2.75%), IT (+2.71%) and Financials (+2.44%) เป็นต้น Sector ที่ underperform ใน S&P 500 ได้แก่ Utilities (+0.66%), Consumer Staples (+0.89%) and Health care (+0.92%)
ในประเทศ: SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.87 จุด หรือ +0.32% ปิดที่ 1,533.30 จุด โดยหุ้นที่ปรับขึ้นแรง ได้แก่ SABUY (+9.71%), COM7 (+8.02%), FORTH (+6.67%), JMT (+5.33%) และ TIPH (+5.30%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ปรับลงแรงได้แก่ BLA (-4.46%), VGI (-3.59%), AMATA (-3.02%), BCPG (-2.08%) และ PTTEP (-2.02%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
เราประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ฟื้นตัวในกรอบ 1,520-1,555จุด ถึงแม้การรายงานตัวเลขภาคการจ้างงานในสหรัฐจะออกมาดีกว่าคาด แต่หากเราประเมินจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และ Fed Fund Future รวมถึงตลาดหุ้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังให้น้ำหนักต่อความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีโอกาสชะลอในระยะกลาง ล่าสุดค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ที่ระดับ 33.7 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากประเมินจาก YTD พบว่า ตลาดหุ้นไทย SET Index ปรับตัวลง underperformed ภูมิภาคเมื่อเทียบกับ MSCI ASEAN และ MSCI Asia Ex-Jap มากกว่า 6-7% ทำให้เราประเมินว่า ณ ระดับปัจจุบัน เรามองเป็นโอกาสในการกลับมาทยอยสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง และคาดว่าหลังจากทราบผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ค่าเงินบาทมีโอกาสเดินหน้าแข็งค่า เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทย
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันพุธ (3 พ.ค.) ตามคาด ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากเฟดยังคงวิตกอย่างมากเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
2.) กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. มากกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจอยู่ที่ 3.6% และทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2512 ขณะเดียวกันตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญตัวหนึ่งนั้น เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ทั้งรายเดือนและรายปี
3.) หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 4.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. แตะระดับสูงสุดในรอบราว 9 เดือน หลังเปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.52 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.43 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 9.484 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 9.296 หมื่นล้านดอลลาร์
4.) ดัชนี KBW หุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค พุ่งขึ้น 4.7% โดยหุ้นแพคเวสต์ แบงคอร์ป ทะยานขึ้น 81.7% และหุ้นเวสเทิร์น อัลไลแอนซ์ แบงคอร์ป พุ่งขึ้น 49.2% นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนหุ้นธนาคารดังกล่าวจำนวนมาก หลังจากที่ถูกเทขายมากเกินไป
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
1.) หุ้นที่เราคาดผลประกอบการไตรมาส 1Q23 แข็งแกร่ง นำโดย AURA , AMATA, CK
1.1) AURA หากอิงจากราคาทองคำ (ล่าสุดแตะรับสูงสุดที่ 2,060 ดอลลาร์สหรัฐฯ) รวมถึงความผันผวนของค่าเงินบาทส่งผลให้เราคาดว่ายอดซื้อขายทองคำหน้าร้านจะเพิ่มขึ้น โดยคาดกำไรไตรมาส 1Q23 เติบโต 14%QoQ, 21%YoY ที่ 257ล้านบาท คิดเป็น 27%ของประมาณการกำไรปีนี้ ในขณะที่ใกล้ช่วงเปิดเทอมในไตรมาส 2Q23 คาดรายได้จากธุรกิจจำนำจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเราปรับประมาณการคำแนะนำขึ้นจากถือเป็น ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสมที่ 19.34 บาท/หุ้น
2.) กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB) เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ BBL เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่เราคาดว่าการประชุมกนง.ในช่วงไตรมาส 2Q23 มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง โดยคาดผลประกอบการของบริษัทจะฟื้นตัวต่อเนื่องทั้งในเชิง QoQ และ HoH จากการขยายตัว Loan Growth และ NIM (%) ในระดับ 4-5% และ 2.7% ตามลำดับ ในขณะที่ประเมินการตั้งสำรองในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มลดลง สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา เราได้ปรับประมาณการกำไรปี 2023-25 ขึ้น 7-12% ตามลำดับพร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 182.5บาท
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- AURA (ราคาพื้นฐาน 19.34 บาท) เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566-68 และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 19.34 บาท แต่ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ AURA จาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” จากความคาดหวังเชิงบวกสำหรับผลประกอบการทางการเงินช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ของบริษัทฯ และการประเมินมูลค่าที่มีราคาลดลง เราชอบพื้นฐานทางธุรกิจของ AURA เนื่องจาก 1) บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วทั้งในธุรกิจค้าทองคำและธุรกิจสินเชื่อ และ 2) ความสามารถในการแข่งขันที่สูงกว่าร้านทองรายย่อยซึ่งน่าจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดรายได้สูงขึ้น ราคาเป้าหมายของเราที่ 19.34 บาท มาจาก PER แบบรวม (22.58 เท่า) และ วิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC 7.3%)
- BE8 (ราคาพื้นฐาน 69.68 บาท) เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของ BE8 เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 และ backlog ที่แข็งแกร่งในปี 2566 ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 ที่ 61 ลบ. เพิ่มขึ้น 23% QoQ และ 157% YoY จากการรวมกิจการของ Baycom เราให้ราคาเป้าหมายที่ 69.68 บาท อิงกับ PER ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 39.9 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2567 จากการคาดการณ์ของเรา
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตาม BOJ monetary policy minutes
- วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขส่งออก และนำเข้าของจีนเดือน เม.ย. คาด +8% YoY และ 0% YoY ตามลำดับ
- วันพุธ ติดตาม ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.4% MoM และ +5.0% YoY ตัวเลข Core inflation ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.4% MoM และ +5.5% YoY และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
- วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย เดือน เม.ย. ตัวเลขเงินเฟ้อจีน เดือน เม.ย. คาด +0.1% MoM และ +0.9% YoY ตัวเลข Producer Price Index (PPI) ของจีนเดือน เม.ย. คาด -2.1% YoY ตัวเลข PPI ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาด +0.3% MoM และ +2.5% YoY
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข GDP 1Q23 ของอังกฤษคาด +0.1% QoQ และ +0.2% YoY ตัวเลข Michigan Consumer Sentiment ของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. คาด 63 จุด (-0.8% MoM)