ASL ANALYSIS GUIDE
  • ประเมิน SET Index แกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,544/1,550 เป็นกรอบพิจารณาหลัก ผ่านยืนมั่นคงจะเริ่มเห็นสัญญาณกลับตัวขึ้นแนวรับหลัก 1,528/1,518 ไม่ต่ำกว่า ความเสี่ยงขาลงยังจำกัด
ประเด็นการลงทุน
1. เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
2. ECB ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด
3. อัตราเงินเฟ้อไทยต่ำกว่าคาด
  • วันนี้เคาะ MEGA ในเชิง Valuation ซื้อขายกันที่ PER ที่ 16 เท่าเทียบกับตลาดที่ 19.2 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด และยัง Laggard กว่า โดยระดับราคาชอง MEGA ปรับตัวลงมากว่า 12%YTD

Market Strategy

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,533.30 จุด เพิ่มขึ้น 4.87 จุด (+0.326) มูลค่าการซื้อขาย 54,974.69 ล้านบาท มีแรงซื้อกลับ  และตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนเม.ย. 66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อย เป็นสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นด้วย

Research Highlight: เฟดส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย//เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง

  • เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
    • เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ตามคาด แต่ทั้งนี้ได้ส่งสัญญาณการยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าระดับเงินเฟ้อปัจจุบันยังสูงกว่าเป้าหมายของเฟด อย่างไรก็ดี ตลาดให้น้ำหนักว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในการประชุม FOMC รอบเดือนก.ย. นี่
    • CME FedWatch Tool ล่าสุดที่บ่งชี้ว่า ผู้ลงทุนในตลาดการเงินให้น้ำหนัก 92.6% ที่เฟตจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 14-15 มิถุนายนนี้
    • ด้านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 253,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. มากกว่าการคาด แม้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงและเกิดวิกฤติภาคธนาคาร นอกจากนี้อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.4% ต่ำกว่าคาด สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
    • เรามองเป็นบวกต่อจากความคาดหวังภาพ soft landing ของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะทำให้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอื่นทั่วโลกลดลง ขณะที่เราประเมินว่าวัฏจักรการลดดอกเบี้ยของเฟดรอบนี้อาจช้ากว่าขาลงรอบอื่นๆ เนื่องจากจะต้องระมัดระวังการควบคุมราคาพลังงาน ไม่ให้กระทบต่ออัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯในอนาคต หลัง OPEC+ ประกาศลดการผลิตน้ำมันอีกประมาณ 1.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน มีผลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2566
  • ECB ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด 
    • ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สอดคล้องกับผลการประชุมเฟด แต่แตกต่างตรงที่ ECB จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
    • ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งแตะ 7.0% ในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.9% ในเดือน มี.ค. หลังจากปรับตัวลงเป็นเวลาหลายเดือน ขณะที่ IMF คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนจะยังไม่ปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 20% ของ ECB จนกว่าจะถึงปี 2568
  • อัตราเงินเฟ้อไทยต่ำกว่าคาด
    • ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เม.ย. ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยอยู่ที่ 2.67% ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ตามราคาน้ำมันลดลง-สินค้าหมวดอาหารชะลอลง โดยเรามองว่ายังมีแนวโน้มที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่สูงในช่วง เม.ย.-ต.ค.65 แม้คาดว่าจะมีแรงกดดันด้านอุปสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวมากและเร็วกว่าคาด
    • ทั้งนี้เรายังมองว่า กนง. จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.00% ในการประชุม 31 พ.ค. นี้ ก่อนจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2566 หลังเริ่มเห็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทอาจได้แรงหนุนทำให้แข็งค่าขึ้นบ้างจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการส่งสัญญาณของธปท. ในการประชุมครั้งก่อนมีลักษณะที่ hawkish แนวโน้มเศรษฐกิจยังฟื้นตัวดี แต่ทั้งนี้เราคาดหวังการส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง ประกอบเข้าสู่กรอบเป้าเงินเฟ้อที่ 1-3% แล้ว
    • เป็น sentiment เชิงบวกต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจและกำลังซื้อ เป็นบวกต่อกลุ่มการอุปโภค-บริโภค เราชอบ CPALL MAKRO OSP MTC
  • ติดตาม
    • 10 พ.ค. CPI สหรัฐฯ เม.ย.
    • 11 พ.ค. PPI สหรัฐฯ เม.ย. // CPI จีน เม.ย.
  • Investment Strategy
    • ประเมิน SET Index แกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1544/1550 เป็นกรอบพิจารณาหลัก ผ่านยืนมั่นคงจะเริ่มเห็นสัญญาณกลับตัวขึ้น แนวรับหลัก 1528/1518 ไม่ต่ำกว่า ความเสี่ยงขาลงยังจํากัด
    • ได้แรงหนุนจากเฟดส่งสัญญาณยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้แนวโน้มของกนง. จะยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่สะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ขณะที่เข้าสู่ช่วงประกาศงบ 1Q66 และยังได้แรงหนุนจากการเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
    • แนะนำ Selective buy 1. Earning play โดยแนวโน้มผลประกอบการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่ม คาดว่างบ 1Q66 ออกมาดี YoY เราชอบ OSP BJC ADVANC และอีกกลุ่มได้แก่ งบ 1Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนจะฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี เราชอบ MINT AOT 2. Election rally ADVANC KBANK

Global Markets

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (5 พ.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการที่ราคาหุ้นแอปเปิ้ลพุ่งขึ้นมากกว่า 4% หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส และจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันศุกร์ (5 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นเอชเอสบีซี และหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (5 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผย ข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (5 พ.ค.) เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่ แข็งแกร่งของสหรัฐในเดือนเม.ย.ทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งจะลดความน่าสนใจในการลงทุนทองคำ

หุ้นเคาะไป คุยไป..MEGA

  • ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5% จากยอดขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากจีนเปิดประเทศ หนุนยอดขายยาที่เกี่ยวข้องกับโควิด เช่น ยาแก้ปวด แก้ไข และอยู่ในระหว่างการพัฒนา และยื่นรอขึ้นทะเบียนมากกว่า 170 รายการ (SKUs) จากปัจจุบัน 350-400 รายการ ขณะที่ port กว่า 80% เป็นแบรนด์ของบริษัทเอง ทำให้มีมาร์จิ้นทีดี (Overall 44-45%, Mega We Care 67% และ Maxxcare 17.5%) ขณะที่แรงกดดันด้านต้นทุนพลังงาน ต้นทุน การเงินที่เข้าใกล้ปลายทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • ด้านความเสี่ยงของสถานการณ์การเมืองในเมียนมาร์ ยังมีความไม่แน่นอน และระเบียบในการนำเข้าสินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภคจะมีความยากมากขึ้น แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นจากปีที่แล้ว ด้านโรงงานในอินโดฯ ยังเปิดตามแผน 2Q66 ตั้งเป้าหมายในระยะ 4-5 ปีจากนี้จะทําได้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 30-50 ล้านดอลลาร์ เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tablet Hard/Soft Gel และยามะเร็ง เน้นลูกค้ารายย่อยและโรงพยาบาลในประเทศอินโดฯ เป็นหลัก
  • ในเชิง Valuation ชื้อขายกันที่ PER ที่ 16 เท่า เทียบกับตลาดที่ 19.2 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด และยัง laggard กว่า โดยระดับราคาของ MEGA ปรับตัวลงมากว่า 12%YTD
- Advertisement -