บล.บัวหลวง: 

Commerce – ยอดขายสาขาเดิมจะชะลอตัวลงในเดือน มิ.ย. แต่บางบริษัทน่าจะยังมีการเติบโตที่ดี (OVERWEIGHT)

ด้วยฐาน YoY ที่สูงและวันหยุดยาวที่น้อยลง การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คำแนะนำ อาจชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ดีแม้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับองค์ประกอบของรัฐบาลชุดใหม่เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น แต่เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเมื่อเร็วๆ นี้เป็นการเปิดโอกาสในการเข้าชื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีก

คาดการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเฉลี่ยชะลอตัวลงในเดือน มิ.ย. แต่บางบริษัทยังดูดีอยู่

เราคาดการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คำแนะนำ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.1% ในเดือนมิ.ย. และ 1.5% สำหรับไตรมาส 2/66 จากการตรวจสอบของเรากับบริษัทต่างๆ บ่งบอกว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมชะลอตัวลงสําหรับผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ ในขณะที่เดือนเม.ย. (หนุนโดยสงกรานต์และวันหยุดยาวอื่นๆ) เป็นเดือนที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่รายงานการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ปรับตัวขึ้นเร็วในเดือนเม.ย. ดังนั้น เราจึงคาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเฉลี่ยช้าลงเล็กน้อยในไตรมาส 2/66 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 อย่างไรก็ดี ถ้าดูรายละเอียดแนวโน้มของยอดขายสาขาเดิมกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คําแนะนำนั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก ขึ้นอยู่กับบริษัท การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2/66 ของ CRC มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมาก (เทียบกับไตรมาส 1/66) แต่ผู้ค้าปลีกราย อื่นๆ เช่น HMPRO, COM7 และ ILM มีแนวโน้มรายงานการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเฉลี่ยที่ปรับตัวขึ้นเร็วในไตรมาสนี้ที่ 5.3% ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจค้าปลีกก่อสร้างมีแนวโน้มรายงานยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2/66 ลดลง 8.7% เนื่องจากราคาเหล็กที่ลดลง YoY และอุปสงค์ที่อ่อนแอ

ในกลุ่มผู้ค้าปลีก เราคาดการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2/66 ของ CRC อยู่ที่ 3.5% ซึ่งช้ากว่า 13% ที่รายงานในไตรมาส 1/66 มาก นอกจากฐานที่สูงในปี 2565 แล้ว การดำเนินงานในเวียดนามยังมีแนวโน้มว่า ยอดขายสาขาเดิมจะลดลง 11-13% (โดยลดลงทั้งธุรกิจอาหารและธุรกิจ ฮาร์ดไลน์) เป็นอีกปัจจัยหลัก เทียบกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ 3-5% สําหรับธุรกิจในประเทศไทยของ CRC (การเติบโตของยอดขายสาขา เดิมของทุกกลุ่มธุรกิจ) และ 25% สําหรับการดำเนินการในอิตาลี

BJC, HMPRO และ CPALL คาดเติบโต YoY และ QoQ ในไตรมาส 2/66

Big C และ HMPRO เป็นเพียงผู้ค้าปลีกรายเดียวที่จะรายงานการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2/66 ได้เร็วกว่าไตรมาส 1/66 ซึ่งเป็นไปตามประมาณการการเติบโตของกำไร YoY และ QoQ (ตามฤดูกาล) สําหรับทั้งสองบริษัทในไตรมาสนี้ แม้ว่านักท่องเที่ยวจํานวนมากและแคมเปญ “Back to School” จะช่วยเพิ่มยอดขายของ Big C ในไตรมาส 2/66 แต่สภาพอากาศที่ ร้อนอบอ้าวจะช่วยให้การขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ HMPRO เพิ่มขึ้น หลังจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่แข็งแกร่งในเดือนเม.ย.และพ.ค. สําหรับ CPALL เราคาดว่าจะมีการชะลอตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 7% [8% ในไตรมาส 1/66) นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะรายงานอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นและค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ลดลง ซึ่งหนุนการเติบโตของกำไร YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้ ในทางตรงกันข้าม ด้วยฐานที่สูงในไตรมาส 2/65 ดังนั้นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมในไตรมาส 2/66 จึงชะลอตัวลง (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Lotus ซึ่งเรามองว่ายอดขายสาขาเดิมอ่อนแอ) และปัจจัยฤดูกาล โดย MAKRO มีแนวโน้มจะรายงานกําไรในไตรมาส 2/66 ที่ไม่น่าตื่นเต้น

การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นล่าสุดเปิดโอกาสในการเข้าซื้อ

หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เราให้คำแนะนำ เรายังคงชอบ CPN และ CPALL เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2566-67 CPN จะได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งในกลุ่มประชากรที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง เราชอบ CPALL เนื่องจากความเสี่ยง/ผลตอบแทนที่ดี ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน นอกจากนี้ CRC และ BJC ดูน่าสนใจ จากปัจจัยกระตุ้นที่คาดไว้ (การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่แข็งแกร่งและอัตรากำไร ที่ขยายตัวสำหรับ BJC ในไตรมาส 2/66 และการใช้จ่ายช่วงเทศกาลในไตรมาส 4/56 สำหรับ CRC) ปัจจุบัน ชื้อขายต่ำกว่า PER เฉลี่ยสามปีอย่างมาก (32 เท่า สำหรับ CRC และ 34 เท่า สำหรับ BJC)

- Advertisement -