หวังใจกับนโยบาย / 1,540-1,555
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET แกว่งออกข้างต่อ : หลังวานนี้ Sentiment การลงทุนภายนอกยังไม่ดีนัก ตัวเลข ISM Non-Manufacturing PMI เดือนส.ค. ออกมาที่ 54.5 มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 52.5 จุด ตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด WTI ไปแตะระดับ $87.5 ต่อบาร์เรล กลับมาสร้างความวิตกต่อเงินเฟ้อที่โอกาสจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง รวมถึงแนวโน้มที่เฟดจะยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ส่งผลให้ Dollar Index ปรับตัวขึ้น พร้อม Bond yield สหรัฐที่เดินหน้าขึ้นต่อ เป็นแรง กดดันต่อดัชนี ตลาดหุ้นสะท้อนความไม่มั่นใจของนักลงทุนในระยะสั้น คาดจะส่ง Sentiment ลบกดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับขึ้นจากประเด็นอุปทานก่อนหน้านี้ ตลาดกำลังจับตาตัวเลขส่งออกจีนเดือนส.ค. หลังชะลอตัวมากกว่าที่ตลาดคาดในสามเดือนก่อน หากออกมาดีกว่าคาด อาจเข้ามาหนุนน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อ คาดวันนี้กลุ่มพลังงานต้นน้ำจะเป็นกลุ่มที่ผลักดันตลาดหุ้นขึ้นโดดเด่น ด้านปัจจัยภายในภาพการเมืองชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ หลังวานนี้ครม.ได้ถวายสัตย์เป็นที่เรียบร้อย ระยะถัดไปตลาดจับตาการแถลงนโยบาย โดยระยะแรกคาดหวังนโยบายลดค่าพลังงานและไฟฟ้า รวมถึงนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทที่คาดจะหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ถึง 4 รอบ ผลักดัน GDP ได้ 5% จึงคาดอาจเข้ามาหนุนกลุ่มค้าปลีกให้มีความคึกคักในระยะถัดไป
- กลยุทธ์การลงทุน: 1) Spending+ท่องเที่ยว: CPN, DOHOME, CPALL, CPAXT, GLOBAL 2) บาทอ่อน: TU, CFRESH, HANA, KCÈ 3) ราคาน้ำมันดิบ: PTTEP และ 4) Defensive: BCH, EKH, BH
ปัจจัยบวก
- ครม.นัดพิเศษไฟเขียวร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา กี่วันก็พร้อม หมอมิ้ง อุบแหล่งที่มาของงบประมาณแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาท 5.6 แสนล้าน ลั่นทำได้จริง-ชี้แจงประชาชนได้แน่นอน
- FETCO แนะรัฐบาลเร่งคลอดมาตรการกระตุ้นปลายปีรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- สนพ. เปิดเผยภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2.5% y-y จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นในส่วนของการใช้น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
- IMF ชี้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากภาวะตื่นตระหนก แต่ต้องผลักดันศก.อาเซียนเพิ่ม เนื่องจากติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ต่างประเทศที่อ่อนแอ
ปัจจัยลบ
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลชุดใหม่ของไทยอาจจะส่งผลให้หนี้สินของรัฐบาลเพิ่มขึ้น
- ธปท. เล็งหั่นประมาณการ GDP ปี 66 หลังภาคผลิต-ส่งออก ฟื้นช้ากว่าคาด
PICKS OF THE DAY
KTB BUY
- เป้าหมาย 20.00/20.50 แนวรับ 19.20
- ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ: ได้ประโยชน์จากการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทผ่านแอปเป๋าตัง และการลงทุนต่างๆ น่าจะทำให้สินเชื่อภาครัฐของ KTB เติบโตด้วย
- มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเติบโตสูงที่สุดในปี 66: จากการลดสัดส่วนสินเชื่อภาครัฐที่มีผลตอบแทนต่ำลง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ KTB เป็นธนาคารที่มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 66 โดยเพิ่มขึ้น 40 bps ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มนั้นเพิ่มขึ้นเพียง 16 bps
TU BUY
- เป้าหมาย 14.70/15.30 แนวรับ 13.80/14.00
- ได้บาทอ่อน: TU มีสัดส่วนรายได้จากการขายในสหรัฐฯราว 40% เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาท/ดอลลาร์ที่มีทิศทางอ่อนค่าใน ไตรมาสนี้
- พาณิชย์เผยตัวเลขส่งออกโตขึ้น: พาณิชย์เผยข้อมูลการส่งออกเดือน ก.ค. (ล่าสุด) มูลค่าส่งออกทูน่ากระป๋อง ฟื้นตัวขึ้นเทียบจากเดือนก่อนหน้า และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนในไตรมาสที่สอง คาดว่า 3Q66 มีมูลค่าส่งออกสูงขึ้นเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่ง TU เป็นผู้ส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับ 1 ในไทย มูลค่าขายจะสอดคล้องไปกับข้อมูลพาณิชย์ คาดยังคงทำกำไรจากการดำเนินงานหลักฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง q-q