บล.กรุงศรีฯ:
MOSHI MOSHI RETAIL (MOSHI TB/ MOSHI.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | พาณิชย์ |
หุ้น | MOSHI |
มูลค่าพื้นฐาน | 0.00 |
คำแนะนำ |
- What’s new
มีปัจจัยกระตุ้นรออยู่ข้างหน้าหลายประเด็น
เรามองว่า MOSHI ยังมีปัจจัยกระตุ้นรออยู่ข้างหน้าอีกหลายประเด็น ได้แก่ (i) กำลังจะเข้าสู่ช่วง high season ใน 4Q23 ซึ่งเป็นหน้าเทศกาล ซึ่งผลการดำเนินงานของร้าน giftshop มักจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (ii) เปิดสาขาร้านค้าปลีกในประเทศ เพิ่มปีละ 20 ร้าน / มีศักยภาพที่จะเพิ่มจำนวนที่ตั้งสาขาร้านได้มากถึง 300 ร้าน ในประเทศ (ii) การออกแบรนด์ใหม่ “Garlic” ซึ่งมีมูลค่าสูงขึ้น และสินค้าใหม่ที่มี GPM สูงขึ้น อย่างเช่น น้ำหอม และ (iv) upside จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยมีตลาด CLMV เป้าหมายแรก
- Analysis
การเติบโตยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
MOSHI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต เพราะบริษัทเพิ่งตั้งเมื่อปี 2016 แต่ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 1 ของร้านในตลาดร้านค้าปลีกแนว Lifestyle ตั้งแต่ปี 2019 โดยมีส่วนแบ่งตลาดถึง 37.6% ในปี 2021 และเข้าจดทะเบียนใน SET เมื่อปี 2022
การขยายธุรกิจในต่างประเทศเป็นประเด็นหลัก
กำไรสุทธิของ MOSHI ที่เพิ่มขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมาเกิดจากการที่สถานการณ์ COMID คลี่คลายไป และการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้ COVID ทำให้จำนวนสาขาร้านที่เปิดใหม่ตั้งแต่ปี 2019 อยู่ที่ปีละ 6-7 ร้านเท่านั้น จากที่ก่อนหน้านั้นขยาย สาขาเพิ่มถึงปีละกว่า 20 ร้าน โดยไม่มีร้านไหนเลยที่ประสบภาวะขาดทุน เราเชื่อว่าบริษัทจะกลับมารุกเปิดสาขาร้านใหม่อีกครั้ง หลังจากที่การบริโภคกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตแบบ organic growth นอกจากนี้ เราเชื่อว่าปัจจัยสำคัญตัวถัดไปที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตในปีหน้า คือ การขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเราเชื่อว่า consensus ยังไม่ได้รวมโอกาสในด้านนี้เข้าไว้ในประมาณการ
Action/Recommendation
Bloomberg consensus ประเมินว่ากำไรสุทธิของ MOSHI ในปี 2023/2024 จะโตถึง 50%/39% เป็น 379 ล้านบาท/528 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ กำไรสุทธิในงวด 1H23 คิดเป็น 45% ของ consensus ประมาณการกำไรเต็มปี นอกจากนี้ ราคาเป้าหมายตาม consensus อยู่ที่ 59.60 บาท (เหลือ upside อีก 15%) คิดเป็น P/E ที่ 33.4x P/E (เท่ากับ P/E เฉลี่ยน) สอดคล้องกับหุ้นอื่นในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม สัดส่วน PEG ดูน่าสนใจที่ 0.75x ในอีกสองปีข้างหน้า นอกจากนี้ เรามองว่ายังมี upside อีกจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ในขณะที่ราคาหุ้นร่วงลงมาถึงกว่า 14% จากระดับสูงสุดในช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น