สรุปภาวะตลาด
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีทยอยปรับตัวขึ้น เคลื่อนไหว sideway ในแดนบวก เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มค้าปลีกและขนส่ง ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานเผชิญแรงขายเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงราว -1% นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาด ที่ 1,433.40 จุด +6.29 จุด +0.44% มูลค่าการซื้อขาย 38,504 ลบ. ต่างชาติ -841.25 ลบ. TFEX +19,800 สัญญาตราสารหนี้ -1,474.09 ลบ.
ปัจจัยบวก+
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และราคาหุ้นบริษัทผลิตชิปร่วงลงหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศแผนระงับการส่งออกชิป ปัญญาประดิษฐ์ (Al) ที่ทันสมัยให้กับจีน
+/- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 86.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ขณะที่นักลงทุนจับตาความพยายามทางการทูตของสหรัฐและการที่ปธน.โจ ไบเดนจะเดินทางเยือนอิสราเอลในวันนี้ เพื่อประเมินว่าความพยายามเหล่านี้จะสามารถป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามเป็นวงกว้างหรือไม่
+ กองทัพอิสราเอลส่งสัญญาณว่า ปฏิบัติการทางทหารขั้นต่อไปของอิสราเอล อาจไม่ใช่การโจมตีภาพพื้นดินต่อกลุ่มฮามาส
+ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานผลการวิเคราะห์ส่งออกไทย 4Q66 เริ่มปรับตัวดีขึ้นกลับมาขยายตัวได้ถึง 6.8% จาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ที่ติดลบต่อเนื่อง จากฐานการส่งออกต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า และภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และสินค้าเกษตรและอาหารที่ส่งออกได้มากขึ้น จากความ ต้องการในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร
ปัจจัยลบ-
– กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3%
– สกุลเงินเซเกลของอิสราเอลดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 8 ปีเมื่อวานนี้ที่ระดับ 4.008 เทียบดอลลาร์ โดยทะลุระดับ 4.000 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 2558 ท่ามกลางการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ
– สถานทูตไทยในฝรั่งเศสเตือนพลเมืองระวังตัว หลังมีผู้ขู่ระเบิดพระราชวังแวร์ซายส์รอบ 2
– ธปท.เผยดัชนีที่พักแรมเดือน ก.ย.66 พบว่า อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 46% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากการปิดภาคเรียนของบางประเทศที่สิ้นสุดลง ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และคาดการณ์อัตราการเข้าพักในเดือน ต.ค.2566 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 48.9%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากอัตราผลตอนแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น ต่อเนื่องขณะที่มีเหตุการณ์ ชาวปาเลสไตน์ราว 500 รายถูกสังหารจากเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลในเมืองกาซา คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,425-1,440 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่ได้รับประโยชน์มาตรการลดค่าไฟฟ้าตามมติครม. : HMPRO GLOBAL DOHOME CPALL CPAXT CRC
- นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท : HMPRO ILM COM7 CPALL CPAXT CRC TNP KK
- กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : BBL KBANK SCB KTB
- หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT BDMS CPALL TOP
- น้ำมันขึ้นจากสงคราม : PTTEP SPRC BCP ESSO
หุ้นรายงานพิเศษ
TAN – บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
SET / COMM (ราคา IPO 16.50 บาท) ราคาเหมาะสม consensus 22.50-23.40 บาท
- TAN ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น โดยกลุ่มบริษัทฯ นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกเพื่อจัดจำหน่ายในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ (1) Pandora : เครื่องประดับเงินชั้นนำจากประเทศเดนมาร์ก (2) Marimekko : สินค้าไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นด้านลายพิมพ์และสีสันจากประเทศฟินแลนด์ และ (3) Cath Kidston : สินค้าไลฟ์สไตล์กลิ่นอายโมเดิร์น วินเทจจากประเทศอังกฤษ รวมถึงการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Cath Kidston ในประเทศเวียดนาม และเป็นเจ้าของแบรนด์ในกลุ่มหาญ (HARNN): สินค้าบอดี้แคร์ สกินแคร์ สปา และอโรมาเทอราพี
- บริษัทมีรายได้ปี 63-65 และงวด 6M66 เท่ากับ 911ลบ. 765 ลบ. 1,258 ลบ. และ 656 ลบ.(+17.9%YoY) ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักจาก (1) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายผ่านสาขาหน้าร้านของแบรนด์ Pandora Marimekko และ HARNN จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการ อุปโภคบริโภคในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และ (2) รายได้จากการขายออนไลน์โดยรวมซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 14,85 อย่างไรก็ดีรายได้จากการขายสำหรับแบรนด์ Cath Kidston ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ลดลงเนื่องจากการผลิตสินค้าล่าช้าจากการที่บริษัทแม่ในต่างประเทศได้มีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการขายของแบรนด์ Cath Kidston น้อยกว่าแบรนด์สินค้าอื่น และรายงานผลประกอบการ ปี 63-65 และงวด 6M66 มีกำไร (ขาดทุน) สุทธิที่ 12 ลบ. (35) ลบ. 122 ลบ.และ 71 ลบ. (+86.8%YoY) ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักจาก (1) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายผ่านสาขาหน้าร้านจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และ (2) การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นจากการขึ้นราคาและลดความถี่ของการให้ส่วนลด
- จำนวนหุ้น IPO ไม่เกิน 77.50 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 25.8% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ 1.0 บาทต่อหุ้น โดยราคา IPO คิดเป็น historical P/E ที่ประมาณ 31.2 เท่า คิดเทียบกับ P/E หุ้นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน ได้แก่ COM7 22.3x KAMART 16.8x MOSHI 40.7X CRC 30.9x และ CPAXT 52.2x วัตถุประสงค์การระดมทุน 1) เงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ 2) คืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน 3) เป็นเงินทุนหมุนเวียน
หุ้นมีข่าว
(+) ACG (Bloomberg consensus – บาท) ร่วมมือสถานีบริการน้ำมัน SUSCO เปิดศูนย์ออโตคลิก (AUTO Clik by ACG) ปลายเดือนนี้ วางแผน 3 โมเดลกวาดตลาด เตรียมเปิดอีก 1 แห่งเดือนหน้า เชื่อสิ้นปีแตะ 15 แห่ง บิ๊กบอส “ภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์” ชี้ตลาดเซอร์วิสรถยนต์โอกาสเติบโตสูง มีรถยนต์รองรับ 16 ล้านคัน ปีหน้าขยายต่อเนื่องอีก 10 แห่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) D (ราคาเหมาะสม 8.70 บาท) จับตาโค้งท้ายโตสนั่น รับปัจจัยหนุนไฮซีซันท่องเที่ยว ต่างชาติตบเท้าเข้าใช้บริการพรี่บ เชื่อ Capacity เพิ่มอีก 10% พร้อมกดปุ่มบริการใหม่ผ่าตัดขากรรไกรในไตรมาส 4/2566 นี้ ตั้งเป้ารับทรัพย์ 20 ล้านบาท คอนเฟิร์มรายได้เข้าเป้าโต 15% แย้มทิศทางขาย อุปกรณ์ทันตกรรมปี 2567 ฟื้น ลุยชิงงานเข้าพอร์ต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) YGG (Bloomberg consensus 9.00 บาท) จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ “Tencent” จากจีน และ “Million Volt” ในเครือ CJ ENM จากเกาหลี เปิดตัวซีรีส์แอนิเมชั่น “HERO Inside” บนเวทีระดับโลกในงาน MIPCOM 2023 เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เตรียมทยอยฉายทั่วโลกในครึ่งปีแรกของปี 2567 มั่นใจได้รับกระแสตอบรับดี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PHG (Bloomberg consensus – บาท) มองไตรมาส 4/2566 ผลการดำเนินงานแนวโน้มดีต่อเนื่อง รับเข้าไฮซีซัน Health Care โรคระบาดกระจายตัววงกว้าง ดันอัตราครองเตียงพุ่งเหนือระดับ 90-95% เดินหน้าขยายศูนย์บริการทางการแพทย์ใหม่อัพแกร่งฐานคนไข้และผู้ใช้บริการต่างชาติ วางเป้าปี 2566-68 รายได้เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% หรือแตะระดับ 2.6 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- 11-21 ต.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารทยอยส่งงบการเงินงวด 3Q66
- 20 ต.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
- 25 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ รายงานตัวเลขส่งออก (ภาวะการค้าระหว่างประเทศ การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน)
- สัปดาห์ที่ 4 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
- 31 ต.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
- 29 พ.ย. ประชุม กนง. ครั้งที่ 6/2566
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 18 ต.ค. จีน รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.
- อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.
- สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
- (เช้าวันที่ 19 ต.ค.) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- 19 ต.ค. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board
- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York)
- 20 ต.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR)
- 30 – 31 ต.ค. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จัดการประชุมนโยบายการเงิน