SET จ๋า งบธนาคารมาแล้ว / 1,415-1,435
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ทางลงเริ่มอ่อนกำลัง: โดยปัจจัยหนุนมาจากสองปัจจัยได้แก่ 1) ราคาน้ำมันดิบWTI ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล์อีกครั้ง ท่ามกลางการประกาศของนายโจไบเดนวานนี้ ว่าจะดำเนินการซื้อน้ำมันดิบเข้าคลัง SPR อีก 6 ล้านบาร์เรล หลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่คาดมาก จึงต้องเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาราคาพลังงานพุ่งขึ้นอีกครั้ง กลับมาหนุนหุ้นพลังงานต้นน้ำ กลางน้ำ และ 2) แรงเก็งกำไรในผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณชี้นำการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ วันนี้ติดตามกันต่อสำหรับผลประกอบการของ KBANK และ SCB ด้านปัจจัยที่น่ากังวลมาจากสองปัจจัยเช่นกัน คือ 1) ถ้อยแถลงของประธานเฟดวานนี้ โดยชี้อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงเกินไป และมีโอกาสที่ระบบเศรษฐกิจจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อต่อ หากอัตราดอกเบี้ยไม่สูงพอและยาวนานเพียงพอ ทำให้ตลาดกลับมากังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งและส่งผลให้ 10-Year US Bond Yields ดีดตัวขึ้นต่อใกล้ระดับ 5% กดดันต่อภาพรวมการลงทุน 2) การเลื่อนแถลงความชัดเจนของนโยบายเงินดิจิทัลโดยวานนี้ นายกฯเผยจำเป็นจะต้องเลื่อนการประกาศความคืบหน้าเงินดิจิทัล ไปเป็นวันที่ 24 ต.ค. หลังอนุกรรมการไม่สามารถเตรียมเอกสารได้ทันทำให้ตลาดค่อนข้างผิดหวังมองมีโอกาสที่กลุ่มค้าปลีกอาจเผชิญแรงขาย เพื่อนำเม็ดเงินลงทุนเข้าเก็งกำไรในกลุ่มอื่นเข้ามาจำกัด Upside ของดัชนีในวันนี้ โดยรวมจึงมองหุ้นในกลุ่มธนาคาร และน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น นอกจากนี้กลุ่มประกันภัยคาดยังปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากได้รับประโยชน์ในช่วง Bond Yields ขาขึ้น
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) งบ 3Q66: AOT, BA, BEM, ORI, SAPPE, OR, CPN 2) ราคาน้ำมันดิบขึ้น: TOP, PTTEP, SPRC, BCP 3) รับเหมา: CK, STEC 4) Selective: BLA, TLI, KCE 5) Defensive: ADVANC, BDMS, BH, BCH
ปัจจัยบวก
- การส่งออกของญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. โดยเพิ่มขึ้นกว่า 4.3% y-y นำโดยการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น
- ผู้แทนการค้าไทย เผยได้หารือกับคณะผู้บริหาร Panacee Group เพื่อขยายตลาดการรักษาผู้ป่วยต่างประเทศจากตะวันออกกลาง และการลงทุนก่อสร้างศูนย์การแพทย์ร่วมกับนักลงทุนซาอุดิอาระเบีย
ปัจจัยลบ
- สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เผยราคาบ้านใหม่เดือนก.ย.ของจีนลดลง ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 แม้รัฐบาลจีนพยายามพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ผ่านนโยบายกระตุ้นก็ตาม
- เทสลาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับเจเนอรัล มอเตอร์ส และฟอร์ด โดยระบุว่า ผู้คนลังเลทีจะซื้อรถใหม่ หากเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน และตนไม่ต้องการที่จะเร่งความเร็วอย่างเต็มที่ไปสู่ความไม่แน่นอน
- สหรัฐผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลา หลังจากที่รัฐบาลเวเนซุเอลาลงนามในสัญญาที่จะมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ในปีหน้า เป็นบวกต่ออุปทานน้ำมันกดดัน Upside ของราคา น้ำมันดิบ และ หุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ
PICKS OF THE DAY
- CK BUY
- เป้าหมาย 22.50 / 23.00 แนวรับ 21.50
- ประมูลโครงการใหม่ปีหน้า สอด คล้องกับค่าแรงที่จะปรับขึ้น: ทางฝ่ายคาดจะได้ประโยชน์จากงานที่ Pent-up ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนค่าแรงที่รัฐบาลจะปรับขึ้นนั้น มีโอกาสส่ง ผ่านไปยังโครงการใหม่ที่จะประมูลในปีหน้า นอกจากนี้ โครงการใหม่บนต้นทุนอัตราใหม่ จะช่วยถัวเฉลี่ย Backlog ที่มีอยู่เดิม 1.44 แสนล้านบาท และจะทำให้ GPM ฟื้นตัว
- หวัง Land bridge หนุน Sentiment: ปัจจุบันโครงการเชื่อมท่าเรือระหว่างฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณสูงถึง 1 ล้านล้านบาท อยู่ระหว่างที่ประชุม ครม.ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หากมีความคืบหน้ามองเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
- BLA BUY
- เป้าหมาย 28.00 / 29.00 แนวรับ 26.00
- เบี้ยประกันโตดี และจะโตต่อ: BLA ทำยอดขายเบี้ยประกันชีวิตลูกค้ารายใหม่ 8 เดือน รวม 4.8 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 31.5% y-y และคาดว่าจะโตต่อได้ เนื่องจากเป็น High season ที่ลูกค้าจะซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี
- ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลที่ปรับขึ้น: บอนด์ยีลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความกังวลนโยบายการเงินคุมเข้มของเฟด โดยอายุ 2 ปี และ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 และ 2550 ตามลำดับ สอดรับกับบอนด์ยีลไทย อายุ 2 ปี และ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้พอร์ตการลงทุนของ BLA มีกำไรเพิ่มสูงขึ้น