Daily Focus: Domestic and Selective Play
Mid-2024 SET Target : 1650
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวในแดนบวกได้ค่อนข้างดี ตามตลาดหุ้นเอเชียที่ฟื้นตัว หลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามดัชนีเผชิญแรงขาย นำโดยกลุ่มการแพทย์ พลังงาน ไฟแนนซ์ ท่องเที่ยว เป็นต้น กดดันให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบเล็กน้อย 2.55 จุด ณ สิ้นวัน อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปิดบวกได้แข็งแรง สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 190 ลบ.และ 861 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกกลับมา Short Index Futures 1.4 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ หากรอบ 1,410-1,425 จุด ลดความร้อนแรงลงหลังจากปรับตัวขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ตอบรับความคาดหวังทิศทางดอกเบี้ยของ FED ที่อาจแตะจุดสูงสุดไปแล้ว และทำให้ Bond Yield ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามเช้านี้ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯขยับขึ้นเป็น 4.63% โดยปัจจัยที่ต้อง ติดตามคือถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านรวมถึงพาวเวลที่จะมีคิวพูดในช่วงปลายสัปดาห์ ว่าจะส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไปอย่างไร ส่วนปัจจัยในประเทศ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ออกมาผสมผสาน โดยเริ่มเห็นสัญญาณเร่งขึ้นเล็กน้อยสำหรับ Core CPI +0.66% y-y ซึ่งต้องติดตามในระยะถัดไปว่าจะเร่งขึ้นต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด โดยคาดว่านโยบายของรัฐบาลทั้งการขึ้นค่าแรงที่จะได้ข้อสรุปในเดือน พ.ย. รวมถึงเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทที่จะมีการประชุมเคาะหลักเกณฑ์วันที่ 10 พ.ย. นี้ ซึ่งจะมีผลต่อเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นในปี 2024 นอกจากนี้ให้จับตาการประกาศกำไร 3Q23 ของบจ.ในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ว่าจะกระทบต่อประมาณการกำไรปี 2024 อย่างไร ด้าน Valuation ของ SET ปัจจุบันเรามองว่าไม่แพงที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่าเริ่มมี Downside ที่จำกัด เรามองกรอบล่างของดัชนีที่ 1,320-1,360 จุด เป็นระดับที่น่าสนใจในการสะสมหุ้นเพิ่ม สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพื่อถือลงทุนระยะยาวหากปรับลงหากรอบ 1,320-1,360+- จุด
หุ้นเด่นเดือน พ.ย.: AOT, BH, CENTEL, CPN, SISB
หุ้นเด่นวันนี้ : TIDLOR
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 28 บาท
- รายงานกำไรสุทธิ 3023 ที่ 1 พันลบ. +9% q-q, +12% y-y ดีตามคาด แม้มีตั้งสำรองเพิ่ม แต่ได้แรงหนุนจากขาดทุนรถยึดต่ำกว่าคาดมากซึ่งส่งผลให้ credit cost ลดลง ขณะที่ PPOP +6% q-q, +19% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจากสินเชื่อรถยนต์และจักรยานยนต์ดีขึ้นมากกว่าคาด ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยทรงตัวแม้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น
- คุณภาพสินทรัพย์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q23 โดยไตรมาสนี้ขยับลงมาที่ 1.54% แนวโนม้ 4Q23 คาดว่าจะดีขึ้นทั้งกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ คาดกำไรปี 2023 ชะลอเล็กน้อย -7% y-y ก่อนเร่งตัวแกร่ง +21% y-y ในปี 2024
- แนวรับ 21//20.50 บาท แนวต้าน 21.50//22 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคแร่งตัวขึ้นเป็น US$1,689 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$917 ล้าน และ US$768 ล้าน ตามลำดับ หลังเกาหลีใต้ประกาศห้าม Short Sales หุ้น ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าอินโดนีเซียและเวียดนามประเทศละ US$14-17 ล้าน แต่ไหลออกจากไทย US$24 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหล หลังจากเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงตอบรับปัจจัยบวกจาก Bond Yield และทิศทางดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลงในระยะสั้นแล้วพอสมควร
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) TU กำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 1.2 พันลบ. ส่วนกำไรปกติ 1.47 พันลบ.+15% q-q, -15% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 30% สิ่งที่ดีกว่าคาดคืออัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น จากการปรับลดขนาดธุรกิจ Frozen ส่วนรายได้รวม 3Q23 ลงแรง y-y เพราะฐานสูงปีก่อน และอ่อนลง q-q มาจาก Ambient เป็นหลักจ ากราคาปลาทูน่าที่สูงขึ้นจนทำให้ลูกค้าชะลอการซื้อ ขณะที่ Frozen ทรงตัว q-q และลงแรง y-y จากการปรับลดขนาดธุรกิจ ส่วน Pet care ฟื้นตัว q-q ตาม ITC จากอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นดี ส่วนแบ่งจาก Red Lobster ขาดทุนมากขึ้น แนวโน้มกำไร 4Q23 จะฟื้นตัวสวนทางฤดูกาล เพราะลูกค้า Restocking หลังราคาปลาทูน่าลดลง คงคาดกำไรสุทธิปี 2023 ที่ 4.1 พันลบ. -38% y-y และปี 2024 จะกลับมา +28% y-y ราคาเป้าหมาย 18 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) GPSC รายงานกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 1.8 พันลบ. +478% q-q, +440% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด หลักๆ มาจากโรงไฟฟ้าทุกโรงผลิตไฟฟ้าเต็มกำลังผลิตไม่มีหยุดซ่อมบำรุง ประกอบกับ Margin ของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ได้รับส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้นจาก High season ไม่มีปรับปรุงสต็อกถ่านหินของโรงไฟฟ้าเด็กโควันในไตรมาสนี้ แนวโน้มกำไร 4Q23 น่าจะชะลอตัว q-q จากค่า Ft ที่ปรับลงมากกว่าต้นทุนราคาก๊าซที่ปรับลง ทำให้ margin ของโรงไฟฟ้า SPP แคบลงและส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะ บุรีจะลดลงตามฤดูกาล และไม่มีเงินปั้นผลรับจาก RPCL คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 59 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) BRI คาดกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 410 ลบ. +18% q-q, +24% y-y หากไม่รวมกำไรพิเศษโครงการ JV ใหม่ จะมีกำไรปกติ -10% q-q, +27% y-y โดยการเติบโต y-y หลักๆ จากการเพิ่มขึ้นของรับรู้รายได้บริหารโครงการ JV แต่ลดลง q-q มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ขณะที่ยอดโอน 3Q23 ไม่สดใส แม้เปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง แต่อยู่ในช่วงปลายไตรมาสบวกกับอัตราการขายโครงการเดิมชะลอลงตามตลาดแนวราบซบเซา กดดันอัตรากำไรขั้นต้นแคบลง เราปรับลดคาดการณ์กำไรปกติปี 2023-24 ลงเป็น +26% y-y และ +2% y-y ตามลำดับ ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 10.40 บาท และคาดปันผลงวด 2H23 0.61 บาท/ หุ้น Yield 8% ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) BEYOND คาดขาดทุนปกติ 3Q23 ที่ 73 ลบ. ลดลง q-q และ y-y จาก RevPAR โดยเฉพาะ Room Rate ขณะที่รายได้ธุรกิจ F&B ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดีโดยภาพรวมเป็นการขาดทุนที่น้อยลง โดยเราคาดรายได้ 3Q23 จะโต +6% q-q และ +23% y-y ขณะที่ EBITDA margin น่าจะปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานน่าจะพลิกเป็นกำไรใน 4Q23 จากอัตราการเข้าพักที่คาดสูงขึ้นเป็น 55-58% ส่วนปี 2024 คาดกำไรปกติจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน คงราคาเป้าหมายปี 2024 ที่ 24 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 34.54 จุด หรือ +0.10% ปิดที่ 34,095.86 จุด โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดพร้อมทั้งจับตาการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงนำตลาด
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ก่อนที่ตัวเลขดุลการค้าของจีนจะรายงานในเช้านี้
(0) ค่าเงินบาททรงตัว อยู่ที่บริเวณ 35.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.82 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียยืนยันการปรับลดอุปทานน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 80.77 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.06%
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.60 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ 1,988.60ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,982.30 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.32%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 867.56/ +4.32