บล.บัวหลวง:

Charoen Pokphand Foods (CPF TB / CPF.BK)

CPF – ขาดทุนหลักเป็นไปตามคาด; คาดขาดทุนหลักไตรมาส 4/66 ลดลง

ขาดทุนสุทธิต่ำกว่าคาด; ขาดทุนหลักเป็นไปตามคาด

CPF รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.81 พันล้านบาท พลิกกลับจากกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 5.11 พันล้านบาท และขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 129% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 3/66 ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 210 ล้านบาท กำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพ 308 ล้านบาท กำไรจากการเทรดดิ้งหุ้น CPALL หลังหักภาษี 1.07 พันล้านบาท และการกลับรายการค่าตัดจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 61 ล้านบาท ขาดทุนหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.46 พันล้านบาท เทียบกับกำไรหลักไตรมาส 3/65 ที่ 5.53 พันล้านบาท และขาดทุนหลักเพิ่มขึ้น 20% QoQ ขาดทุนสุทธิน้อยกว่าที่เราคาด 49%

เนื่องจากบริษัทบันทึกกำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพจำนวนมาก (เทียบกับที่เราคาดก่อนหน้าเป็นขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ) ในขณะที่ขาดทุนหลักในไตรมาสนี้ถือว่าเป็นไปตามที่เราคาดก่อนหน้า ยอดขายต่ำกว่าที่เราคาด 4% แต่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 10.8% ในไตรมาสนี้ถือว่าสูงกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 10% (และเทียบกับ 15% ในไตรมาส 3/65 และ 11% ในไตรมาส 2/66) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมถือว่าสูงกว่าคาด 8% เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจาก CPALL ที่สูงกว่าคาดและส่วนแบ่งขาดทุนจาก HyLife ที่ต่ำกว่าคาด

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

ผลประกอบการหลักที่แย่ลง YoY เนื่องจาก: 1) ยอดขายที่ปรับตัวลดลง (เนื่องจากราคาหมูประเทศไทยและในต่างประเทศที่ปรับตัวลดลง) 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลง (ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาหมูที่ปรับตัวลดลงในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา และราคาไก่ที่ปรับตัวลดลงในประเทศเวียดนามและฟิลิปปินส์) 3) การะดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น และ 4) CTI ที่พลิกกลับจากส่วนแบ่งกำไรไปเป็นส่วนแบ่งขาดทุน (เนื่องจากราคาหมูจีนที่ปรับตัวลดลง) ส่วนแบ่งขาดทุนจาก HyLife ลดลงอย่างมากถึง 96% ทั้ง YoY และ QoQ หลังจากการตัดขาดทุนและตั้งด้อยค่าเงินลงทุนของธุรกิจ HyLife ในประเทศสหรัฐฯ ออกไปแล้วในไตรมาส 2/66 (ดังนั้นจึงไม่มีผลขาดทุนของธุรกิจในสหรัฐฯ อีกต่อไปในไตรมาส 3/66) ในขณะที่ผลขาดทุนหลักที่เพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง (ราคาหมู่ที่ปรับตัวลดลงในประเทศไทย กัมพูชา และฟิลิปปินส์) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และภาระดอกเบี้ย จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น กำไรจากธุรกิจในประเทศรัสเซียในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น ก้าวกระโดดมากถึง 226% YoY และ 214% QoQ (จากการขยายกำลังการผลิตและราคาหมูในประเทศรัสเซียที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น) ผลประกอบการของธุรกิจในประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาวในไตรมาสนี้อ่อนแอลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหมูในสามประเทศที่ปรับตัวลดลง

แนวโน้ม

เราคาดขาดทุนหลักในไตรมาส 4/66 ที่ 2.05 พันล้านบาท หรือพลิกกลับจากกำไรหลัก 1.06 พันล้านบาทในไตรมาส 4/65 (เนื่องจากราคาหมูไทย ราคาหมูจีน ราคาไก่ไทยที่ปรับตัวลดลง และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น) แต่ขาดทุนหลักมีแนวโน้มลดลง 41% QoQ (เนื่องจากการพลิกกลับจากขาดทุนของ HyLife ไปเป็นกำไร QoQ กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจในประเทศรัสเซีย และต้นทุนวัตถุดิบที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง) ปัจจัยบวก ได้แก่ 1) ราคาหมูมีชีวิตของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 57 บาท/กก. ในช่วงกลางเดือนต.ค. ไปอยู่ที่ 65 บาท/กก. ในช่วงต้นถึงกลางเดือนพ.ย. และ 2) ราคาลูกหมูของไทยฟื้นตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ 1,100 บาท/ตัว ในเดือนต.ค. ไปอยู่ที่ 1,600 บาท/ตัว ในช่วงกลางเดือนพ.ย.

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับลดประมาณการขาดทุนสุทธิสำหรับทั้งปี 2566 ลงอีก 18% (เหลือเป็นขาดทุนสุทธิ 7.43 พันล้านบาท) เพื่อสะท้อนผลขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่น้อยกว่าที่คาดก่อนหน้า แต่ยังคงประมาณการผลขาดทุนหลักสำหรับทั้งปี 2566 ไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงประมาณการกำไรสุทธิและกำไรหลักสำหรับทั้งปี 2567 ของเราไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน

คำแนะนำ

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น CPF เนื่องจากการคาดการณ์ราคาปศุสัตว์ไทยที่จะทยอยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2567

- Advertisement -