บล.บัวหลวง
Thaifoods Group (TFG TB / TFG.BK)
TFG – ขาดทุนหลักน้อยกว่าคาด; ขาดทุนหลักไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มลดลง QoQ
ขาดทุนสุทธิมากกว่าคาด แต่ขาดทุนหลักน้อยกว่าคาด
TFG รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 445 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 1.73 พันล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 69 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 98 ล้านบาท ขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ 259 ล้านบาท สำรองด้อยค่าสินทรัพย์ 34 ล้านบาท และกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ทางการเงิน 17 ล้านบาท ขาดทุนหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 267 ล้านบาท (เทียบกับกำไรหลัก 1.84 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 และกำไรหลัก 229 ล้านบาทในไตรมาส 2/66) ขาดทุนสุทธิมากกว่าที่เราคาดก่อนหน้า 22% เนื่องจากขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพที่มากกว่าคาด ในขณะที่ขาดทุนหลักน้อยกว่าที่เราคาดก่อนหน้า 10% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ต่ำกว่าคาด ยอดขายต่ำกว่าคาด 2% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 4.4% ต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าที่ 5.1% (และลดลงจาก 21.2% ในไตรมาส 3/65 และ 9.5% ในไตรมาส 2/66)
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
ผลประกอบการหลักที่แย่ลง YoY เนื่องมาจากยอดขายที่ลดลง อัตรกำไรขั้นต้นที่ลดลงอย่างมาก (จากวอลุ่มขายไก่ที่ลดลงและราคาขายทั้งหมูและไก่ที่ลดลง) และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น รายได้ธุรกิจไก่ของ TFG ในไตรมาส นี้อยู่ที่ 4.34 พันล้านบาท ลดลง 30% YoY เนื่องจากวอลุ่มขายไก่ที่ลดลง (6.04 หมื่นตัน ลดลง 14% YoY) และราคาขายไก่ที่ลดลง (54.6 บาท/กก. ลดลง 17% YoY) รายได้ธุรกิจหมูในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.63 พันล้านบาทลดลง 24% YoY เนื่องจากราคาขายหมูที่ลดลงอย่างมาก (59.5 บาท/กก.ลดลง 43% YoY) ในขณะที่รายได้จากธุรกิจร้านค้าปลีก (ร้านไทยฟู้ดส์เฟรชมาร์เก็ต) เพิ่มขึ้น 104% YoY และ 18% QoQ โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายสาขาใหม่ (322 แห่ง ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 เพิ่มขึ้นจาก 178 แห่ง ณ สิ้นเดือนก.ย. 2565 และ 287 แห่ง ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566)
กำไรก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (EBIT) ของธุรกิจไก่ของ TFG ลดลง 79% YoY ในขณะที่ธุรกิจหมูรายงานเป็นขาดทุนก่อนหักการะดอกเบี้ยจ่ายและภาษี (LBIT) ที่ 744 ล้านบาท พลิกกลับ YoY จากกำไรก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาษีที่ 1.39 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 ธุรกิจอาหารสัตว์พลิกกลับ YoY ไปเป็นกำไรก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาษีที่ 159 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกพลิกกลับไปเป็นกำไร ก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาษีที่ 123 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) มีเพียงธุรกิจอาหารสัตว์และธุรกิจค้าปลีกเท่านั้นที่กำไรก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาษีปรับตัวดีขึ้น QoQ
แนวโน้ม
เราคาดขาดทุนหลัก 230 ล้านบาทในไตรมาส 4/66 พลิกกลับ YoY จากกำไรหลัก 1.37 พันล้านบาทในไตรมาส 4/65 (เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงอย่างมาก จากราคาขายหมูและไก่ในประเทศไทยที่ปรับตัวลดลง รวมถึงวอลุ่มขายไก่ที่ลดลง) แต่ขาดทุนหลักคาดว่าจะลดลง 14% QoQ (เนื่องจากราคาหมูไทยและราคาไก่ไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง) ปัจจัยบวกได้แก่ 1) ราคาหมูมีชีวิตของไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 57 บาท/กก. ในช่วงกลางเดือนต.ค. ไปเป็น 65 บาท/กก. ในช่วงต้นถึงกลางเดือนพ.ย. และ 2) ราคาลูกหมูของไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากจุดต่ำสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ 1,100 บาท/ตัวในเดือนต.ค. ไปเป็น 1,600 บาท/ตัวในช่วงกลางเดือนพ.ย.
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
เราทำการปรับประมาณการขาดทุนสุทธิสำหรับทั้งปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 92% (ไปเป็นขาดทุนสุทธิ 251 ล้านบาท) เพื่อสะท้อนขาดทุนที่เพิ่มมากขึ้นจากสินทรัพย์ชีวภาพ ในทางกลับกัน เราทำการปรับประมาณการกำไรหลักสำหรับทั้งปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 25% ไปเป็น 243 ล้านบาท เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่เรายังคงประมาณการสำหรับในปี 2567 ของเราไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คำแนะนำ
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFG เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์บกไทยที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ย. ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2567